แก๊งลักทรัพย์แสบ งัดบ้านติดประกาศขาย ยกเค้าเกลี้ยง สูญกว่า 12 ล้าน

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม และ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 จับกุมแก๊งลักทรัพย์ ประกอบด้วย นายสุชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี, นายมานพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี, นายขจรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี และ นายอดิเทพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี

พร้อมรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีส้ม ทะเบียน 4ขษ3441 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ ทะเบียน 5กส2346 กรุงเทพมหานคร, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ ทะเบียน ลกต31 กรุงเทพมหานคร, พระเครื่อง, พระบูชา, แสตมป์สะสม, ของโบราณ และสุราต่างประเทศชนิดต่างๆ

โดยจับกุมตัวทั้ง 4 คน หลังจากการขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิดแบบเป็นเครือข่ายในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งจาก นายสรธร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ว่า บ้านพักหลังหนึ่งย่านบางแค ซึ่งไม่มีผู้ใดอยู่อาศัยเนื่องจากติดประกาศขายรอผู้สนใจติดต่อมาขอซื้อ โดยตนและครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่น นาน ๆ จะเดินทางมาดูบ้านสักครั้ง

นายสรธร กล่าวต่อว่า กระทั่งประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ไม่เคยได้แวะมาดูบ้านเลย พอแวะมาอีกทีจึงพบว่าบ้านถูกงัดแงะ กุญแจประตูทางเข้าถูกทำลายได้รับความเสียหาย เมื่อตรวจทรัพย์สินภายในบ้าน ปรากฏว่า ตู้เซฟโดนงัดเสียหาย มีเงินสด จำนวน 500,000 บาทหายไป

นายสรธร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่อง, พระบูชา, แสตมป์, สุราต่างประเทศ, ของโบราณ และของสะสมอื่น ๆ ซึ่งเป็นของพ่อที่เก็บมาทั้งชีวิต รวมมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท สูญหายไปด้วย จึงเดินทางเข้าแจ้งความไว้ให้ตำรวจช่วยติดตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบว่ามีคนร้าย 4 คนสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านหลังดังกล่าว รวม 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุจะใช้ยานพาหนะเป็นรถแท็กซี่มาขนทรัพย์สินและพากันหลบหนี

เมื่อตรวจดูตำหนิรูปพรรณคนร้ายเบื้องต้น ทราบว่าแก๊งนี้มีนายสุชาติ เป็นหัวหน้า เพราะเคยถูกจับคดีลักทรัพย์ฯในลักษณะเดียวกันมาก่อน จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการ และติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ทั้ง 4 รายในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจึงติดตามยึดของกลางที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปขายกลับคืนมาได้จำนวนหนึ่ง

จากการสอบสวน นายสุชาติ ให้การว่า เคยถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมคดีลักทรัพย์ฯ ติดคุกนานถึง 10 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านร้าง ติดประกาศรอขายอยู่นานไม่มีใครมาดูแล กระทั่งนายมานพ และนายขจรศักดิ์ สมุนในแก๊งสามารถงัดเข้าไปภายในได้ก่อน พบมีทรัพย์สินที่เจ้าของทิ้งไว้จำนวนมาก

นายสุชาติ ให้การต่อว่า ตนและนายอดิเทพ จึงเข้าร่วมทีมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปช่วยกันขนทรัพย์สินออกมา และช่วยกันนำอุปกรณ์ไปงัดตู้เซฟ โดยบ้านหลังนี้ได้เข้าไปลักทรัพย์รวม 3 ครั้ง ได้เงินสดมาจำนวนหนึ่ง ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ นำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า และพวกเซียนพระ ได้เงินมาแบ่งกันไปใช้จ่ายจนหมด ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายซึ่งสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *