โดนเข้าแล้ว ดีเอสไอสั่งฟ้อง แม่มณี กับพวก 31 ราย ตุ๋นลงทุนแชร์แม่มณี สูญกว่า 227 ล้าน

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ตามที่ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ ได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 9/2563 กรณี น.ส.วันทนีย์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ แม่มณี กับพวกรวม 31 ราย ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นด้วยการโฆษณาในสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ชื่อ มณีรัตน์ สุรางค์มธุรสธรรมสว่างกุล, Nadear Wanthanee, มั่งมี ศรีสุข บารมี เพิ่มพูน และ ฝากยอดต่ออนาคต

โดยการโพสต์ข้อความและถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊กว่ารับฝากเงิน ออมเงิน วงละ 1,000 บาท ตกลงจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 93 ต่อเดือนของเงินลงทุน ระยะเวลาฝาก 1 เดือน จ่ายคืนทั้งต้นและดอก โดยมีรูปแบบการลงทุน คือ ชักชวนให้นำเงินมาออมไว้กับแม่มณี เสนอให้ผลตอบแทน 93 เปอร์เซ็นต์ เมื่อครบกำหนด 1 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีการประกาศให้ลงทุน และให้ผลตอบแทนอีกหลายอัตรา ซึ่งคิดผลตอบแทนที่เสนอให้เป็นอัตราตั้งแต่ร้อยละ 1,116 บาท จนถึง 3,040.45 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ซึ่งทั้งหมดกระทำไปเพื่อจูงใจให้ประชาชนเกิดความสนใจและมีความมั่นใจในการนำเงินมาร่วมลงทุนกับพวกตนเอง

โดยกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้นำเงินที่ลงทุนไปใช้ในการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะนำรายได้ตามที่ได้ประกาศไปนำมาจ่ายให้กับผู้ลงทุนได้ แต่ทำไปเพื่อนำเงินของผู้หลงเชื่อลงทุนรายใหม่ๆ และรายเก่าๆ ที่ลงทุนซ้ำมาหมุนเวียนจ่ายให้กับผู้ลงทุนรายก่อนๆ หรือผู้ลงทุนรายปัจจุบันที่ครบกำหนดรับเงินปันผลและเงินลงทุนคืนในแต่ละวัน

การชักชวนนี้ทำให้ประชาชนหลายพันคน รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนในคดีนี้จำนวน 1,133 ราย หลงเชื่อส่งมอบเงินลงทุนไปยังกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ทำให้ประชาชนทั่วไป สูญเสียเงินที่ลงทุนไปและได้รับ ความเสียหายเท่าจำนวนที่ไม่ได้รับกลับ จำนวน 227,452,365.05 บาท

การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง โดยอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา จำนวน 31 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มาตรา 12 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83

และขอให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้เรียกทรัพย์สินและเงินต้นหรือราคาแทนผู้เสียหาย จากผู้ต้องหาทั้ง 31 ราย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 9

โดย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ มอบหมายให้ นางนันท์นภัส เกยุราพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 133 แฟ้ม จำนวน 50,857 แผ่น พร้อมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ในวันที่ 27 ก.ย. 2566 เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *