หนุ่มสานฝัน ทำตามสัญญา จัดงานแต่งงานให้แฟนป่วยมะเร็ง รักนี้ตลอดไป

จากกรณีโซเชียลแห่แชร์เรื่องราวของผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อว่า “kittikorn…phu” ที่มีการจัดแต่งงานสานฝันให้แฟนป่วยมะเร็ง และอาการทรุดหนัก พร้อมสู้ไปด้วยกันจนนาทีสุดท้ายของชีวิต ทั้งยังอยากให้มีการสมรสเท่าเทียมในเพศทางเลือกเพื่อง่ายต่อการรักษาและเพื่อความเท่าเทียมทางสังคม

วันที่ 8 ก.ย. 2566 นายกฤติกร ภูวภัทจิรสิน หรือทิว เจ้าบ่าว เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่าตนกับแฟนคบกันมา 13 ปีแล้ว ซึ่งระหว่างที่คบกันตั้งแต่ตอนที่ติ๊กแฟนของตนนั้นแข็งแรงดีก็มีการคุยกันว่าอยากจะแต่งงานกัน แต่ตอนที่เขายังแข็งแรงดีก็ไม่ได้จัดงานแต่งกัน แต่พอเขาป่วย กลับกลายเป็นว่าต้องมาพูดเรื่องงานศพของเขาแทน ตนจึงได้สานฝันของเขาให้เป็นจริงและงานแต่งขึ้นมา

ซึ่งติ๊กป่วยเป็นมะเร็งมาประมาณ 2 ปี และรักษากันมาเรื่อย ๆ สู้ด้วยกันมาตลอด แต่ผลก็มีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง เพราะร่างกายได้รับเคมี อีกทั้งยังฉายแสงไปค่อนข้างเยอะ 40 แสง และเคมีอีก 3 รอบ จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอและทรุดลง พอมาถึงวันนี้คุณหมอก็เลยบอกว่าไตเริ่มวายอีก ถึงได้ขอทางโรงพยาบาลว่าจะนำตัวติ๊กกลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่ฟอกไตหรือทำอะไรทั้งสิ้น เพื่อให้เขาไม่เจ็บไม่ทรมานอีก

จากนั้นคุณหมอจึงได้บอกว่าถ้ามีอะไรติดขัดหรือติดใจกับคนไข้ อยากทำอะไรกับคนไข้ให้รีบทำ เพราะคนไข้จะอยู่กับตนได้อีกไม่นาน เพราะไตเริ่มวายแล้ว อยากให้ญาติทำใจและลองคิดดูว่าจะทำยังไงต่อไป เมื่อกลับจากโรงพยาบาลตนก็ตัดสินใจ บอกกับติ๊กว่าพรุ่งนี้แต่งงานกันนะ ติ๊กก็ตกใจเพราะว่าไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย ตนก็ย้ำว่า เราจะแต่งงานกันจริงๆ

พรุ่งนี้ ติ๊กจะต้องใส่ชุดเจ้าสาวที่สวยที่สุดและแต่งหน้าให้สวยที่สุด ตนก็ได้สวมแหวนให้ติ๊กไปในตอนนั้น เขาก็รู้สึกดีใจมากเวลาเพื่อนมาเยี่ยมก็บอกเพื่อนว่าจะแต่งงานเพื่อนจึงได้บอกกันออกไปปากต่อปาก และทำให้เพื่อนๆ หลายคนมาร่วมงาน โดยตนเพิ่งจะจัดงานไปเมื่อวานนี้ 7 ก.ย. 2566 เป็นการตัดสินใจภายในเวลาเพียง 15 ชั่วโมง

ได้โทรหาเพื่อนๆ รุ่นพี่ และทีมงาน ให้มาช่วยแต่งหน้า เตรียมชุด และเตรียมงาน ทุกคนก็พร้อมช่วยเหลือดีมาก เมื่อถึงวันจัดงานแต่งติ๊กก็สู้มาก เพราะจริงๆ แล้วเขาต้องใส่สายออกซิเจนตลอดเวลา แต่พอวันงานเขาขอไม่ใส่สายออกซิเจน เพราะว่าเดี๋ยวเขาไม่สวย เขาอยากจำภาพของเขาว่าฉันสวยแค่ไหน จึงไม่ใส่เลยจนจบงาน

เขาก็ดีใจมากที่ได้เเต่งงาน เขาไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่หรือเป็นตามรูปแบบที่วาดไว้แต่ว่าเขามีความสุขมาก เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเขาสู้ไปกับเราในช่วงเวลาที่สำคัญ แต่อาการก็ทรุดลงหลังจบงานเขาก็หลับลึกไปเลย

นายกฤติกร กล่าวต่อว่า ทั้งที่จริงๆ งานแต่งน่าจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่เขายังไม่ป่วย แต่ในตอนที่ยังแข็งแรงต่างคนก็ต่างทำงาน ไม่มีเวลาให้กันและไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย แต่มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากให้มันเกิดขึ้น ต่อให้งานแต่งของตนจะไม่ได้หรูหราเหมือนงานแต่งทั่วไป อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับคนอื่นแต่มันมีความสุข แล้วก็มีความอบอุ่นภายในงานเพียงเท่านี้ก็รู้สึกโอเค และติ๊กแฟนของตนก็รู้สึกดีด้วย

ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่คบกัน ติ๊กเป็นคนที่สดใส ร่าเริง เฮฮา สนุกสนานมาก แต่พอเขาป่วยจากที่ความคิดมันเป็นบวกก็กลายเป็นลบ เขากลายเป็นโรคซึมเศร้า และไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เขาอยากตายเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แต่ช่วงนี้นก็สุขภาพจิตดีขึ้นโดยการที่ได้พูดคุยกับคนรอบข้างแต่โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

จนผ่านมาเกือบ 2 ปี ที่เขาป่วยและอาการหนักขึ้น จริง ๆ แล้วตนก็เหมือนจะทำใจได้ แต่ก็ยังคงร้องไห้ทุกวัน เพราะการที่ตนใช้ชีวิตกับเขามา 13 ปี ถ้าวันหนึ่งต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเขาอยู่ ไม่ได้ยินเสียงเขา ต่อให้เขาไม่เหมือนเดิมก็ได้ แต่ถ้ายังได้คุยกันพูดคุยกัน จับมือ หอมแก้มกัน กอดกัน มันยังดีกว่าการที่เขาต้องหายไปเลย หรือไม่เห็นเขาอีกเลย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งตนก็เชื่อว่าเวลาก็คงจะช่วยรักษาเยียวยาไปได้ และตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะจากไปวันไหนแต่ตนก็จะทำให้เต็มที่ที่สุดทุกช่วงเวลา

อย่างไรก็ตาม ถึงตนจะไม่ได้อยากทำจัดงานนี้ขึ้นตอนที่เขาป่วยแบบนี้ แต่ในเมื่อระยะเวลาที่เหลืออยู่มันค่อนข้างน้อย และหลังจากที่เขาจากไปแล้วเขาก็บอกว่าอยากได้ชุดสีขาว โรงสีขาว อยากได้ดอกไม้หน้าศพสีขาวทำให้เขาด้วย แล้วก็เอากระดูกเขาไปเที่ยวที่เชียงใหม่ด้วย พร้อมกับบอกให้ขึ้นเครื่องบินไป เพราะเขาไม่เคยขึ้นเครื่องบินตนก็จะทำให้เขาเป็นสิ่งสุดท้าย

เราไม่ต้องรอว่าพรุ่งนี้ค่อยไป เก็บเงินได้ก่อนค่อยไป หรือค่อยไปตอนที่มีเงิน เรารักกันก็ต้องบอกรักกันทุกวัน มีอะไรต้องคุยกัน อยากไปไหนให้รีบไปต่อให้รู้สึกว่าการไปครั้งนี้ต้องใช้เงินเยอะ แล้วเราต้องอด แต่อยากให้ไปมีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยกันถ้าคิดว่าการที่ไปแล้วเราเสียเงินเยอะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปก็จะเหมือนตนกับแฟน เพราะว่าไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนเลย คิดว่างานสำคัญที่สุดแต่จริงๆแล้วความสุขและสุขภาพสำคัญที่สุด

สุดท้ายนี้ ตนอยากพูดในมุมมองเพศทางเลือก เพราะในส่วนการรักษาพยาบาลของติ๊กที่เป็นเพศทางเลือก และตนก็เป็นเพศทางเลือก การเซ็นเอกสารหรือว่าอะไรก็แล้วแต่มันค่อนข้างลำบากตนจึงอยากให้มีการสมรสเท่าเทียมจริง ๆ และสามารถเซ็นได้ เพราะว่าแฟนของตนไม่ได้มีใครไม่มีพ่อแม่อยู่กับตนคนเดียวมาตลอด เพราะฉะนั้นการที่เขาจะจากไป ตนก็อยากให้เขาจากไปแบบไม่ทุกข์ทรมาน ซึ่งตามกฎหมายแล้วเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้

@kittikorn…phu

เค้าทำตามสัญญาแล้วน่ะ เราแต่งงานกันแล้วน่ะ 13 ปี มันมีค่ามาก สำหรับเรา มันอาจจะเป็นปรารถนาสุดท้าย สัญญาว่า ช่วงสุดท้ายจะดูแลจนกว่าเรสจะจากกันน่ะ 7/9/66 ชายรักชาย ทิวติ๊ก ทิวติ๊กป่วยเป็นอะไร ทิวติ๊กคู่เกย์

♬ ลั่นทม (เพลงประกอบละคร หอมกลิ่นความรัก) (Main) – ค็อกเทล

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *