จากกรณีที่ นายสาณิช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ก่อเหตุฆ่า น.ส.วิภาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ภรรยา พร้อมลูกชายอายุ 11 ปี และ 13 ปี รวม 3 ศพ ก่อนปาดคอตนเองหวังจบปัญหาแต่สุดท้ายไม่ตาย เนื่องจากเจอทางตันหนี้สินจากการค้ำประกันเงินกู้ แถมเคราะห์ซ้ำถูกแอพเงินกู้หลอกโอนเงินสูญกว่าล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 29 ส.ค. 2566 ที่วัดถนนงาม ม.1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งครอบครัวของผู้เป็นพ่อ ได้รับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย มาบำเพ็ญกุศล ภายในศาลาวัดดังกล่าว โดยกำลังประกอบพิธีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ นายพิเชษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) พี่ชายของนายสาณิช ผู้ก่อเหตุ กล่าวยืนยันว่า…
ได้รับศพมาถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะดำเนินการตั้งศพทั้ง 3 บำเพ็ญกุศลที่วัด จนถึงการพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 2 ก.ย.นี้ หากญาติของผู้ตายจะมารับศพไป ทางนี้ยืนยันว่าไม่ให้ศพไปอย่างแน่นอน แต่ให้มาร่วมงานได้ ส่วนนายสาณิชตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ เพราะบาดเจ็บสาหัส
ระหว่างที่พูดคุยกับ นายพิเชษฐ์ ก็มีสายวิดีโอคอลจากนายสาณิชเข้ามาพูดคุย พร้อมถามอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบโต้กันเท่านั้น ซึ่งนายพิเชษฐ์ก็ยังทำใจไม่ได้ และอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ และต้องวางโทรศัพท์ลง
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า… สำหรับเงิน 2 ล้านกว่าบาทที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น ตนไม่ทราบเรื่องการรับบริจาคอะไรด้วยเลย ในความตั้งใจจริงของตนที่ไปรับศพทั้ง 3 มานั้น เพื่อที่จะนำมาบำเพ็ญกุศลตามศาสนาเพียงเท่านั้น ส่วนเงินในการทำศพ ยืนยันว่ามีกำลังพอที่จะดำเนินการ โดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด
นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการฌาปนกิจศพทั้ง 3 จะดำเนินการในวันที่ 2 ก.ย. 2566 นี้ พร้อมๆ กัน โดยตั้งกองฟอนภายในวัด เนื่องจากที่วัดมีเมรุเพียงแห่งเดียว นอกจากนี้ ตนขอนำหลักฐานที่ได้รับศพทั้ง 3 มาบำเพ็ญกุศลที่ จ.กำแพงเพชร ที่ตำรวจออกให้มายืนยัน เพราะในเวลานั้นตำรวจเห็นว่ามีเพียงตนคนเดียวที่สามารถติดต่อได้
นายพิเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ สพม.และทางโรงเรียนของเด็กทั้ง 2 จะนำเงินมามอบให้เพื่อจัดการงานศพ ยังไม่ได้รับการประสานเข้ามาว่าจะมาในวันใด ขอจัดการเรื่องงานศพให้แล้วเสร็จก่อน