วันที่ 29 ก.ค. 2566 นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย พร้อมผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ 2 ตากับยาย ชาวบ้านบ้านกุดน้ำใส หมู่ 5 ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลังขอความช่วยเหลือ กรณีจุดไฟเผาตอไม้แล้วลามไหม้สวนมะม่วงที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย และถูกเจ้าของสวนเรียกค่าเสียหายมากถึง 2 ล้านบาท ต้องจ่ายภายใน 15 วัน
เมื่อไปถึงบ้านพบ นายสมดี นาสะอ้าน อายุ 67 ปี และ นางทองใส นาสะอ้าน อายุ 68 ปี ภรรยา ได้นำเอกสารที่เจ้าของสวนมะม่วงแจ้งว่า เป็นบันทึก รับคำร้องทุกข์คดีอาญาของ สภ.หนองวัวซอ ที่ส่งมาให้ว่าได้ดำเนินคดีกรณี 2 ตายาย จุดไฟเผาตอยูคาแล้วลามไปยังสวนมะม่วง เรียกค่าเสียหายทั้งหมด 2,000,000 บาท และต้องจ่ายภายใน 15 วัน ขณะที่ นางทองใส ก็ร้องไห้บอกว่า ช่วยยายด้วย ยืนยันยายไม่ได้ไปนามาเกือบ 2 ปี แต่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมเผาด้วย
นายสมดี เปิดเผยว่า ที่นามีต้นยูคาขึ้นตนก็ตัดไป จากนั้นได้ออกแขนงขึ้นมาอีก 2 แขนง วันนั้นคือวันที่ 5 พ.ค.66 เวลาประมาณ 04.00 น. ตนจึงจุดไฟเผาตอ ก่อนจะดับไฟโดยเอาน้ำราดและเอาดินกลบ แล้วออกไปเลี้ยงวัว พอช่วงบ่ายมีคนโทรบอกว่าไฟไหม้ลามสวนมะม่วงที่ติดกัน จึงรีบไปดูพบว่าไฟไหม้จริง ตอนนั้นดูแล้วความเสียหายคิดว่าประมาณพื้นที่สวนมะม่วง 2 ไร่ และจากการพูดคุยตนยินยอมชดใช้ค่าความเสียหายให้ 30,000 บาท เจ้าของสวนไม่ยอม เพิ่มเป็น 50,000 บาท กระทั่งเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาท เจ้าของสวนก็ไม่ยังยอม
ต่อมามีหนังสือเรียกค่าความเสียหายจากเจ้าของสวนมะม่วง คิดเป็นเงิน 2,942,720 บาท ซึ่งหนังสือฉบับแรกระบุว่า มีต้นมะม่วงสายพันธุ์ต่างๆ 400 ต้น ต้นทุเรียน 16 ต้น ต้นไผ่ขนาดใหญ่ 1 กอ ต้นยางนา 47 ต้น และต้นสัก 35 ต้น ต้องชดใช้ภายใน 15 วัน ตำรวจได้เชิญตัวไป สภ.หนองวัวซอ เพื่อตกลงกัน จากนั้นก็มีหนังสือหนังสือฉบับที่ 2 ออกมาอีก โดยเรียกค่าความเสียหายเหลือ 2 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่เสียหายที่เคยเรียกไว้ในฉบับที่ 1 หายไป เช่น ต้นทุเรียน 16 ต้น ต้นยางนา 47 ต้น และต้นสัก 35 ต้น บางอย่างถูกตัดออก ตอนนี้รู้สึกอัดอั้นตันใจเพราะไม่มีเงิน หากจะติดคุกชดใช้แทนค่าความเสียหายก็ไม่รู้จะติดอย่างไร แต่ละคืนนอนก็ไม่ค่อยจะหลับหวนคิดแต่นี้
ขณะที่ นางทองใส กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าเขาเรียกค่าเสียหายมากถึง 2 ล้านบาท ทำให้นอนไม่หลังเนื่องจากไม่มีเงิน ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้ให้ ขอฝากผ่านสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ช่วยเหลือขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว หากจะเสียเงิน 2 ล้านบาทจริงๆ ยายจะขอตายแทนเพราะว่าไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายอย่างไร พูดไปก็ร้องไห้ไป
ด้าน นางปรานี ไชยคำภา ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตนยังไม่มารับตำแหน่ง ผญบ. ทั้งสองฝ่ายตอนซื้อที่ดินกันใหม่ๆ เคยมีข้อเรื่องพิพาทกันคือ วัวฝั่งโน้นมากินข้าวที่ปลูกไว้ของฝั่งนี้ และไฟก็เคยไหม้จากอีกฝั่งลามไปสวนมะม่วง โดยผู้ใหญ่บ้านคนก่อนก็ไกล่เกลี่ยกันลงตัวแล้ว ล่าสุดวันที่ 5 พ.ค.66 ไฟก็ไหม้สวนมะม่วงอีก ตนจึงออกไปสำรวจเบื้องต้นพบว่า สวนนี้มีมะม่วง 121 ต้น แต่ไฟไหม้ต้นมะม่วงเพียง 13 ต้น
จากนั้นตนจึงเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย สอบถาม นายสมดี ได้คำตอบว่ายินยอมชดใช้เงินให้ไม่เกิน 50,000 บาท ตนจึงนำไปเสนอกับฝั่งเจ้าของสวนมะม่วง แต่ก็ไม่ยินยอม โดยทางนั้นได้คิดคำนวณค่าความเสียหายยืนยันต้องจ่าย 2 ล้านบาท ซึ่งการไกล่เกลี่ยก็ไม่เป็นผล แม้ นายสมดี จะเสนอเงินให้เพิ่มเป็น 1 แสนบาทแต่ก็ไม่ยอม หลังจากนั้นเจ้าของสวนมะม่วงก็ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้ง 2 คน เบื้องต้นตนได้แนะนำ 2 ตายายให้รอ และไม่ให้จ้างทนายสู้ เพราะว่าเงินจะหมด ต้องรอให้อีกฝั่งฟ้องร้องมาก่อน และหากเรื่องไปถึงศาลตนจะพาร้องไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัด
ขณะที่เจ้าของสวนมะม่วง กล่าวว่า เหตุไฟลามสวนมะม่วงเชื่อว่า นายสมดี กลั่นแกล้ง เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกปี 2555 ครั้งนั้นปรับไป 5,000 บาท ครั้งที่ 2 ปี 2564 และ 2 ครั้งหลัง นายสมดี ได้ฉีดยาฆ่าหญ้าริมรั่วใกล้ต้นมะม่วง เจรจาไกล่เกลี่ยบอกว่าอยากทำอีก ล่าสุด 5 พ.ค.ที่ผ่าน ก็ทำไหม้ลามมาสวนมะม่วง ต้นมะม่วงเสียหาย 121 ต้น ตนเรียกค่าเสียหายไปต้นละ 15,000 บาทมี 100 กว่าต้น แต่ นายสมดี จะให้เงินเพียง 30,000 บาท
ทำให้ตนเสียใจมากเพราะมะม่วงที่ปลูกนั้นเป็นมะม่วงนอกฤดูและลงทุนไปแล้ว คาดว่าจะออกผลผลิตช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และสามารถจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท ทั้งนี้สาเหตุที่เรียกค่าความเสียหายมาถึง 2 ล้าน เพราะมะม่วงที่ตนปลูกเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นพืชผลเศรษฐกิจ หลังจากนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เจอกันที่ศาลอย่างเดียว
ด้าน นายภานุมาศ หรือเฮียเปี๊ยก กล่าวว่า คดีนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีความอาญาตอนนี้อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งอัยการ โดยในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง โดยมีศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเป็นคนกลาง และคดีแพ่ง ซึ่งหากทางนั้นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมา ตนพร้อมผู้ใหญ่บ้านจะพาเข้าพบยุติธรรมจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอแนวทางการช่วยเหลือ 2 ตายายต่อไป