ณ.ที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี มีตำนานเสาร้องไห้ของเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตั้งอยู่ในศาลนางตะตะเคียนทอง ที่วัดสูง ตำบลเสาไห้ อ.เสาไห้ เป็นเสาไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ตำนานเล่าขาน มาช้านานกว่า 100 ปี ที่มาของชื่ออำเภอเสาไห้ แต่เรื่องอาหารที่โดดเด่นขายที่ตลาดนัดร่มโพธิ์ ที่สี่แยกเสาไห้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ต้องเป็นร้านเล็กๆ ขายปลาร้าลอย ที่ขายดิบขายดีรับประทานคู่ผักต้มหรือผักสด
ซึ่งเป็นอาหารคู่บ้าน เคียงคู่ประเทศไทยมาช้านาน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพิสูจน์ เมื่อไปถึงพบมีลูกค้าทั้งหญิง ทั้งชายต่างรุมซื้อปลาร้าลอยกันไม่ขาดสาย เจ้าของร้านคือ น.ส.มาเรียม ดาราภูมิ อายุ 48 ปี และ นายสมชาย บุญสรณ์ อายุ 50 ปี สองสามีภรรยากำลังตั้งหน้าตั้งตาปรุงปลาร้าลอยใส่ในหม้อที่มีน้ำเดือด มีลูกค้ารอซื้อจนไม่มีเวลาหยุดพัก
น.ส.มาเรียม กล่าวว่า เตรียมปลาร้ามาแล้วนำมาปรุงใส่วัตถุดิบกันที่หน้าร้านเลย ขายมาได้ 10 ปีแล้ว ส่วนประกอบก็จะมีปลาดุก พริกหยวก นำมาใส่ในหม้อที่มีน้ำปลาร้าตั้งไฟเดือด นำปลาดุกใส่ลงไป 15 นาที ตามด้วยพริกหยวก เมื่อสุกก็จะตักปลาดุกออกใส่ในถาดเตรียมใส่ถุงขายให้ลูกค้า
ราคาขายปลาดุก 1 ตัวพร้อมน้ำปลาร้าใส่ถุงจะขายในราคา 50 บาท แต่ถ้าจะเลือกเป็นชิ้นก็จะขายในราคา 40 บาท วันๆ หนึ่งก็จะขายได้ 80 ตัว ขายตั้งแต่ตลาดเล็กๆ จนตอนนี้เป็นตลาดขนาดใหญ่ไปแล้ว ปลาดุกที่นำมาขายจะอยู่ที่ขนาด 3 ตัวโล แรกๆ เริ่มขายก็จะทำขายไม่เยอะมาก พอเริ่มขายดีก็เพิ่มปริมาณมากขึ้น
ส่วนผักมีให้เลือกกันหลายอย่างทั้งผักต้ม และผักดิบราคาก็จะอยู่ที่ปริมาณที่ลูกค้าเลือกหยิบใส่ถุง ซึ่งภายในร้านยังมีน้ำพริกอีกหลายอย่าง เช่นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา และอีกหลายอย่าง ซึ่งขายในราคาถุงละ 20 บาท ขายควบคู่ไปกับปลาร้าลอยอีกด้วย
ส่วนฐานะทางบ้านก็พออยู่พอกิน โดยตนจะขายปลาร้าลอยจนกว่าจะแก่ หรือจนขายไม่ไหว ส่วนรายได้ที่ขาย ยังไม่หักค่าใช้จ่ายก็จะได้หมื่นกว่าบาทต่อวัน แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะติดก็จะเห็นเป็นปลาร้าลอยลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าประจำ ขณะพูดคุยมือทั้ง 2 ข้างก็ยังหยิบจับขายปลาร้าลอยไม่หยุด ขายตั้งแต่ 3 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันเสาร์