วันที่ 7 มกราคม 2566 รายงานข่าวจากแอดมินเพจบ้านดุงอัพเดท ได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านราษฎรบ้านคำเจริญ หมู่ 5 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ว่า เมื่อช่วง ปลายเดือนธันวาคม 2565 ตนได้เล่นติ๊กต๊อก กระทั่งไปเจอ หนุ่มคนหนึ่งโพสต์ท้อแท้ชีวิต หมดอาลัยกกับขีวิต สิ้นหวังแล้ว ตนจึงทักเข้าไป พูดจาให้สติปลอบใจ ชวนพูดคุย สุดท้ายโดนหลอกยืมรถยนต์ และหลอกให้โอนเงิน สูญไป แสนกว่า ขอให้แอดมินเพจมาช่วยเหลือ ขอคำแนะนำด้วย
จากนั้น นายวีระพล ได้สอบถาม เรื่องราวความเป็นไป ได้ทราบว่า… ผู้เสียหายรายนี้ ชื่อ น.ส.พงษ์พันธ์ นารถสิทธิ์ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 211 หมู่ 5 บ้านคำเจริญ ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ถูกหนุ่มรุ่นน้อง บอกหมดหวังท้อแท้ในชีวิต มาเที่ยวที่บ้านคำเจริญ และไปไหว้ปู่คำชะโนด ที่อำเภอบ้านดุง พอตกบ่ายอาศัยช่วง น.ส.พงษ์พันธ์ พาลูก เข้าไปในหมู่บ้าน ลืมเก็บกุญแจรถ นายจิรายุทธ สบโอกาสขับรถหนี
น.ส.พงษ์พันธ์ กล่าวต่อไปว่า… ตนรู้จักกับ นายจิรายุทธ ศิลาวนิช อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ 4 ต.ดอกไม้ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ผ่านทางแอปฟลิเคชั่นติ๊กตอก ได้พูดคุยกัน สอบถามกัน เป็นรุ่นน้องของตน มีหน้าตาดี โดยนายจิรายุได้พูดคุยมา ในทำนองท้อแท้ต่อชีวิต หมดกำลังใจ ตนเคยปลอบใจคนท้อแท้สิ้นหวังแบบนี้มาแล้ว และพูดคุยให้กำลังใจ สุดท้ายเขาคิดได้ ตนจึงเชื่อว่า ตนจะสามารถพูดจาปลอบใจ นายจิรายุทธได้ จึงได้พูดปลอบใจ
กระทั่งนายจิรายุทธ ได้เขียนลายมือส่งข้อความมา บอกว่า ขอโทษด้วยที่ผมเป็นคนไม่ดี และได้ส่งภาพนายจิรายุทธพร้อมกับ เชือกคล้องที่คอ ทั้งร้องไห้ มีน้ำตา ส่งมาให้ตน ตนจึงพูดคุยด้วย และ นายจิรายุทธได้ขอมาเที่ยวที่บ้าน ตนบอกไม่สะดวก เนื่องจากช่วงปีใหม่ตนได้ไปเยี่ยมญาติ ที่ต่างจังหวัด แต่เขาบอกมาว่า เขาเดินทางมาแล้ว ไม่มีเงินสักบาท ไม่มีที่พักด้วย ตนจึงได้โอนเงินไปให้ 5,000 บาท เป็นค่าที่พักรีสอร์ตในตัวเมืองอุดร และค่าอาหาร
วันต่อมา ตนได้กลับมาที่บ้าน นายจิรายุทธจึงได้มาหาตนที่บ้าน มานอนค้างคืน 1 คืนที่บ้านของตน โดนตน นอนอยู่กับแม่ รุ่งเช้า นายจิรายุทธ อยากไปไหว้ปู่คำชะโนด อ.บ้านดุง ตนจึงพาไปไหว้ปู่คำชะโนด เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตนจึงพาลูกสาวขี่รถ จักรยานยนต์ เข้าไปในหมู่บ้าน
จากนั้นได้รับโทรศัพท์ ว่าผมจะขับรถยนต์กระบะวีโก้ แชมป์ ทะเบียน ผค 9106 อุดรธานี ไปทำธุระ สักพัก ไม่เกิน 30 นาทีเดี๋ยวก็จะกลับมา เมื่อ 30 นาทีผ่านไป ตนได้รับโทรศัพท์อีกว่าจะไปส่งเพื่อน อีก 30 นาทีกลับ สักพักโทรมาแจ้งว่า อีก 20 นาทีกลับ ตนเกิดความฉงนใจแล้ว ตนรอรถยนต์กลับเข้าบ้าน ทั้งคืน ในขณะรอมีการโต้ตอบไลน์ตลอด
กระทั่งมีไลน์เด้งเข้ามาว่า นายจิรายุทธ เป็นหนี้เขาต้องยึดรถเอาไว้ หากอยากได้คืนต้องโอนเงินมาไถ่ 35,000 บาท ตนจึงรีบโอนเงินไป จากนั้นไลน์เด้งมาอีก ต้องจ่ายอีก 10,000 บาทเป็นค่าดอกเบี้ย และมีหนี้คงค้างอีก 30,000 บาท ซึ่งนายจิรายุทธ มีหนี้ที่ยังชำระไม่หมดอีก 60,000 บาท ความที่ตนอยากได้รถคืนมา จึงโอนไปอีก 60,000 บาท
รถคันนี้เป็นรถคันแรกในชีวิตหนู มีค่าทางจิตใจ เขาพูดอะไรมา หนูก็โอนไปให้เขา ล่าสุด เขาบอกว่าจิรายุทธเป็นหนี้เขาอีก 35,000 บาท หนูจึงไปหาญาติไปบอกให้ญาติพาไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน และอายัดเงินธนาคารกรุงไทย ที่ตนโอนออกไปให้นายจิรายุทธ ในเวลาต่อมาตนได้รับโทรศัพท์มาให้ตนปลดล็อกให้ แล้วจะได้รถคืน ตนก็ได้แต่รอ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ตนอยากฝาก ทุกคนที่เล่นสื่อโซเซี่ยล ขอให้มีสติ อย่าทำอะไรโดยพละการ ต้องปรึกษาญาติพี่น้อง โดยเฉพาะเรื่องเงิน บทเรียนในครั้งนี้ มาจากตน ตนต้องการให้กำลังใจ คนท้อแท้หมดหวัวสิ้นหวังต่อชีวิต แล้วอยากให้เขาได้สติ และยืนยันว่าไม่คิดจะมีครอบครัวใหม่ ไม่คิดอะไรมากมาย แค่อยากทำความดี ความที่ใจอ่อนใจดี เลยเกิดความสงสาร
กระทั่งเมื่อเขามาบ้าน เห็นพิธีผูกข้อมือญาติผู้ใหญ่ในเครือญาติช่วงปีใหม่ เขาบอกว่าบ้านเอื้อย เป็นครอบครัว อบอุ่น อุ่นจนร้อนนะ ไม่คิดเลย ว่าผลจากการทำความดี จะเป็นผลแบบนี้ อยากบอกทุกคนให้มีสติ มีปัญหาอะไรให้ปรึกษาญาติ พูดคุยกัน