จากกรณีร้านค้าใน เทศกาลดนตรีดัง ซึ่งพ่อค้าร้านเล้ง โพสต์ข้อความระบุว่า กู้เงินมาลงทุน ตั้งร้านขายอาหาร ในงานคอนเสิร์ต “บิ๊กเมาน์เท่น 2022” หนึ่งในเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ที่ดิโอเชี่ยน เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่ปรากฏว่ากลับต้องขาดทุนย่อยยับ ไม่เหมือนกับที่เซลล์ขายบูทไปโฆษณาไว้
ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านหมูตุ๋น โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ระบุว่า สวัสดีค่ะ อยากแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจก่อนเข้าร่วมเป็นร้านค้าในงานบิ๊กเมาน์เท่น จุดเริ่มต้นในการตัดสินใจส่งร้านเข้าไปคัดเลือกใน #bmmf12 ครั้งนี้
เกิดจากส่วนตัวชอบไปงานเทศกาลดนตรีอยู่แล้ว เลยคิดว่าน่าจะลองส่งเข้าไปดู ได้ก็ดี เป็นการต่อยอดธุรกิจและโปรโมทร้านไปในตัว คาดหวังกำไรนิดหน่อย ขอแค่ไม่ขาดทุนก็พอใจแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ก็เข้าใจ เพราะคงมีหลายร้านส่งเข้าคัดเลือก ซึ่งเราอาจยังไม่เหมาะกับงานหรือมีร้านอื่นในประเภทอาหารเดียวกันที่ถูกใจทีมงานมากกว่า
จนถึงวันประกาศผล ทางทีมงานโทรมาแจ้งว่าได้รับคัดเลือก จะมีค่าใช้จ่าย 50,000 บาท เป็นค่าเช่าร้าน 2 วัน ค่ามัดจำอุปกรณ์อีก 5,000 บาท เท่ากับต้องจ่าย 55,000 บาท หากไม่มีการเช่าโต๊ะ เก้าอี้ หรือซื้อไฟในบูทงานเพิ่ม ตกใจกับราคาค่าเช่า 2 วันมากกก แต่มาคำนวณแล้ว ถ้าตัดใจคิดซะว่าเป็นค่าการตลาด
จบงานแล้วกำไรนิดหน่อย หลักพันหลักหมื่น หรือแม้แต่เท่าทุนทางร้านก็พอใจแล้ว ถือว่าไปหาประสบการณ์ออกงานใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะได้รับบรีฟจากทางทีมงานว่ามีคนเข้าร่วมงาน ประมาณ 100,000 คน บัตร 90,000 ใบขายหมดตั้งแต่วันแรก มีร้านอาหารทั้งหมด 120 ร้านค้า เฉลี่ยแต่ละร้านแล้วจะได้ประมาณ 3,000 เสิร์ฟต่อวัน
ย้ำว่ามีคำว่าการันตี 3,000 เสิร์ฟต่อวันนะคะ ไม่ใช่ร้านค้าคิดกันเอาเอง (วันละ 3 มื้อ ไม่รวมวัน Set up งาน วันที่ 9 ที่อนุญาตให้เริ่มขายได้เลย เพราะมีสต๊าฟเข้าไปหน้างานประมาณ 10,000 คน) เอาจริงๆ ลางไม่ดีตั้งแต่เริ่มจ่ายเงินแล้วค่ะ วันโอนเงินไปจ่าย ระบบ SCB ล่ม เงินไปค้างกว่าจะได้โอนกลับคืนมาก็ต้องรอแล้วรออีก ต้องไปเจรจากับทางทีมงานซึ่งในวันนั้นน่ารักมาก รับฟังปัญหา และยอมรอจนนาทีสุดท้าย
ระหว่างนั้นต้องไปขอยืมเงินญาติสนิทมิตรสหายมาจ่าย ซึ่งเราก็เกรงใจ มองในมุมตัวเองว่าตอนนี้ทุกคนลำบาก จะไปยืมก้อนใหญ่ก็อาจจะเดือดร้อนคนอื่นเกินไป ไม่รู้ว่าทางแบงค์จะคืนเงินให้เมื่อไหร่ เลยไล่ยืมคนละก้อนเล็กๆ พอจ่ายเงินทำสัญญาจบ ก็ถึงวันนัดประชุมร้านค้า ตอนแรกนัดประชุมกันทาง Zoom
แต่แปลกใจว่าทางทีมงาน ไม่เคยทำงานสเกลใหญ่หรืออะไร ถึงไม่ทราบล่วงหน้าว่า Zoom meeting จะเข้าร่วมได้แค่ 100 คน ซึ่งถ้าบอกว่ามี 120 ร้านค้าในงาน แค่นี้คนก็เกินแล้ว ไม่นับว่าแต่ละร้านอาจจะมีคนเข้าร่วมมากกว่า 1 คน กว่าจะได้เริ่มประชุม ก็เสียเวลาโยกไป Google Meet ซึ่งก็ติดปัญหาคนเข้าได้ไม่ครบอีก ระบบเสียงกระท่อนกระแท่น ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทางร้านพยายามเข้าใจ เลยรออ่าน Powerpoint ที่ present ทีหลังเอาทีเดียวดีกว่า
พอจบประชุมร้านค้า ก็ให้ผังร้านค้ามา ซึ่งก็ตรงกับที่บรีฟตอนแรกว่าใกล้กับ Mountain stage รวมถึง Contact ของ Suppliers ต่างๆ ที่ขายภาชนะใส่อาหาร, โรงงานไข่ไก่, โรงน้ำแข็ง, โรงงานน้ำดื่ม, แก๊ส PT, รถห้องเย็น ทำให้มั่นใจอีกว่างานดี พร้อมมาก มีการ Support ร้านค้าขนาดนี้
แต่จะมีตะหงิดๆ กับเรื่องร้านค้าปลีกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ตอนแรกก่อนจ่ายเงินค่าเช่าร้าน ทีมงานแจ้งว่ารับออเดอร์ส่งของให้ถึงในงาน แต่ตอนหลังบอกว่าต้องนัดรับที่ร้านค้าปลีกเท่านั้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะวัตถุดิบหลักของทางร้านเป็นส่วนเฉพาะ ถ้าไม่สั่งจองล่วงหน้าก็ไม่ได้จำนวน มากๆ เลยตั้งใจซื้อจากกรุงเทพไปอยู่แล้ว เลยไม่ซีเรียสตรงนี้
จบจากการประชุม มีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากคนเข้าร่วมงาน 90,000++ เป็น 110,000++ ไม่รวมทีมงาน, ศิลปิน, บัตรสปอนเซอร์ต่างๆ ทำให้ทางร้านต้องเตรียมพร้อมยิ่งกว่าเดิม จากที่หวังไว้แค่ร้านเราขอเอาที่ 1,500 เสิร์ฟต่อวันก็พอใจแล้ว เลยเพิ่มเป็น 2,500 เสิร์ฟต่อวันแทน ต้องรีบไล่สั่งของ ซื้อของ เตรียมของไปออกงานให้พร้อมที่สุด
ไม่อยากให้งานเสีย ไม่อยากให้เค้าว่าได้ว่าเราไม่พร้อม เพราะเค้าย้ำแล้วย้ำอีกว่าทำได้แน่ใช่มั้ย มีทีมงานทำ 3,000 เสิร์ฟต่อวันได้หรือไม่ ถึงเราไม่มีหน้าร้านก็จริง แต่เคยมีประสบการณ์รับออกงานนอกสถานที่อยู่บ่อยๆ คิดว่าเตรียมเกินไปดีที่สุด ดีกว่าไปขาดหน้างาน จากที่เตรียมจ้างรถกระบะขนของไปงานไว้คันเดียว ก็ต้องเพิ่มเป็น 2 คัน
เพราะไม่สามารถหารถ 6 ล้อได้ทันในเวลากระชั้นชิด สรุปงาน 2 วันลงทุนไป 300,000++ คิดว่าถ้ามีของเหลือกลับมาบ้างก็เก็บไว้ขายต่อได้ เพราะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว แต่ถึงเวลาขนของกลับจริงมันเยอะกว่าที่คิดไว้หลายเท่าตัว จนต้องไปเช่าห้องเย็นเพื่อฝากแช่ของไว้ต่อค่ะ
พอใกล้วันงานมีการส่งผังร้านค้ามาใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ เข้าไปด้านในลึกเข้าไปใกล้เวทีใหญ่ ให้เหตุผลว่าก่อนหน้านั้นมีฝนตกหนัก ทำให้บางพื้นที่เสียหาย ใช้ไม่ได้ เลยต้องปรับเปลี่ยน ตรงนี้เข้าใจและมองว่าเหตุผลพอรับฟังได้ค่ะ แต่คิดอีกที ก็เอ๊ะว่าแทนที่จะเลื่อนเข้าไปข้างใน ทำไมไม่เลื่อนออกมาข้างนอก เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย เจอร้านค้าได้เร็วขึ้น
แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมทำแบบนั้นไม่ได้ ก็เพราะมันจะไปแย่งลูกค้าของสปอนเซอร์น่ะสิคะ พอถึงวัน set up งาน (วันที่ 9) ทางร้านสั่งน้ำดื่มประกอบอาหารไป 15 ถัง กะว่าจะได้เริ่มขายคนในพื้นที่งานก่อน สรุปตามน้ำถึงเที่ยงคืน น้ำไม่มาส่งค่ะ สาเหตุมาจากรถขนส่งของทางโรงงานน้ำดื่มเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพราะส่งเสร็จรอบนึง ออกไปรับของมาใหม่แล้วการ์ดไม่ให้เข้าอีกรอบ ทำให้หลายๆร้านไม่ได้รับของตามที่สั่งไว้
พอถึงวันงาน จากตอนแรกที่ประชุมร้านค้า แจ้งว่าให้นำรถเข้าโหลดของในพื้นที่ได้ช่วงเวลา 6.00-8.00 พอถึงเวลาจริงแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้าพื้นที่แล้ว จะขนของต้องใช้รถเข็นหรือแบกเข้างานเอง ซึ่งพื้นที่งานเป็นหลุม แอ่งน้ำ รอยล้อรถบลาๆๆ ไม่ได้เอื้ออำนวยกับการใช้รถเข็นเลยค่ะ ทางร้านถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่อยู่ใกล้ประตูเข้าออก (ร้านที่ 4 จากประตู) แต่ทางผู้จัดได้คิดถึงร้านอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปบ้างมั้ยคะ
ที่ไม่อนุญาตให้นำรถของร้านค้าเข้าพื้นที่ถือว่าแย่แล้ว แต่ไม่มากเท่ากับไม่อนุญาตให้รถน้ำดื่มกับรถน้ำแข็งเข้าพื้นที่ด้วยค่ะ น้ำดื่ม 20 ลิตร 1,000 ถัง ทางผู้จัดให้โรงงานน้ำดื่มนำใส่รถเข็นส่งร้านค้าที่อยู่ห่างกันมากกก ถึงมากที่สุด รถเข็นใส่ได้รอบละ 10 ถัง เท่ากับต้องเข็นรถอย่างต่ำ 100 รอบ ไม่นับว่าบางร้านสั่งใส่เติมภาชนะที่นำมาเพิ่มด้วย สรุปคืนวันนั้นรถเข็นโรงงานน้ำดื่มยางแตก งานวันที่ 2 ไม่มีน้ำส่งให้ร้านค้าจ้าาาา
บางท่านที่ไม่เข้าใจ ต่อว่าร้านเล้งว่าอาหารไม่เหมาะสมกับงาน ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งนะคะ ซึ่งร้านเล้งก็มีการปรับเปลี่ยนเมนู เป็นข้าวกะเพราไม่ได้มีแต่ต้มเล้งอยากเดียว แต่ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่การจัดการปัญหาหลังบ้านมากกว่าค่ะ วัตถุดิบหลักของร้านเล้งคือการใช้น้ำต้มของ น้ำมาส่งไม่ได้ จนต้องแก้ปัญหาเอง ด้วยการขอซื้อน้ำจากร้านค้าอื่นในงาน
ซึ่งเราเป็นหนึ่งในนั้น ทีมงานยังไม่มีการอำนวยความสะดวกใดๆให้ทั้งสิ้น ต้องให้ร้านค้ามาเข็นและยกน้ำ 20 ลิตร ผ่านคนเข้าชมคอนเสิร์ตหลักแสนคน ที่บางจุดแทบจะไม่มีที่หลบให้เดิน แล้วต้องเดินไปกลับเพราะต้องนำถังน้ำมาคืนให้ร้านที่ซื้อต่อไปอีก ไม่ได้มีแค่นั้นนะคะ จุดซักล้างน้ำไหลบ้างไม่ไหลบ้าง จะล้างของก็ลำบาก ขยะในงาน แจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บ สรุปจนวันสุดท้ายที่เก็บของกลับถุงขยะยังกองอยู่หลังร้าน ไม่มีคนมาเก็บไปเลยค่ะ
ทางเดินไปเวทีใหญ่กับร้านค้าโซนสามย่าน แทบจะเป็นตัว Y ร้านที่อยู่บริเวณท้ายๆอาจจะพอขายได้เพราะเป็นเส้นทางหลักที่คนดูเบียดเป็นคอขวดเข้ามา แต่กลางๆท้ายๆ นับนิ้วได้เลยว่ากำไรกี่ร้าน ตอนกลางวันไม่ต้องพูดถึงค่ะ แดดสาดเข้าหน้าร้านตรงๆ ผู้จัดไม่มีร่มไว้ให้ไม่พอ ห้ามร้านค้าทำบังแดดเองด้วย
เท่ากับเวลาขายจะมีแค่หลังพระอาทิตย์ตกเท่านั้น ซึ่งหลายๆคนก็จะอิ่มมาจากโซนข้างนอกแล้ว จุดอับที่สุดอยู่ที่ S1-12 ต้องยกนิ้วให้ร้านที่ไม่ขาดทุนเลยค่ะ จุดตั้งร้านแยกฉีกออกไปจากเวที ไฟดับๆติดๆ แถมมีน้ำห้องน้ำไหลมาบ้าง นั่งดูยังเห็นใจร้านค้าด้วยกันเลย
สรุปพอจบงาน หลายๆท่านพูดคุยกันในไลน์กลุ่ม อาจจะมีใส่อารมณ์ใส่ผู้จัดบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าด้วยประสบการณ์แย่ๆแบบนี้ เหนื่อยใจเรื่องการจัดการไม่พอ ยังต้องเหนื่อยกายแล้วขาดทุนยับเยินอีก มันก็คงมีอารมณ์เป็นธรรมดา ถึงถามหาความรับผิดชอบจากทีมงาน เพราะตอนบรีฟแจ้งย้ำแล้วย้ำอีกว่า “การันตี” วันละ 3,000 เสิร์ฟ
ส่วนตัวคิดว่าจะรอพักเหนื่อยแล้วรอทีมงานชี้แจง เผื่อจะมีข้อเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น หรือข้อตกลงร่วมกันให้กับทั้ง 2 ฝ่าย สรุปเปิดมาอีกที 4 ทุ่มทีมงานไล่ลบทุกคนออกจากกลุ่มไลน์ร้านค้าโซนสามย่าน โดยไม่มีการชี้แจงใดๆ ต้องขอปรบมือและยกนิ้วให้กับทีมงานจริงๆ ค่ะ ตอนนี้ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงค่ะ หาเงินใช้หนี้เหมือนกันค่า ขออนุญาตฝากร้านเลยแล้วกันนะคะ มีบริการส่งทุกที่ในปฐพีเลยค่าาา