จากกรณีเหตุการณ์ของคุณลุงชื่อ นายสุบรรณ เกษตรกรรายหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับเงินประกันรายได้ข้าว ปี 2565 และเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ได้เดินทางไปกดเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) แต่สุดท้ายแล้วกลับเหลือเงินในบัญชีแค่ 25 บาทนั้น
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกาายน 2565 ที่ผ่านมา นายสุบรรณ จึงเดินทางไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม แต่ด้วยสายตาไม่ดี จึงวานให้หญิงรายหนึ่ง ที่ยืนกดเงินอยู่ก่อนหน้าช่วยกดเงินให้หน่อย
เวลาผ่านไปไม่นานหญิงรายดังกล่าวมาบอกว่า เงินในบัญชีเหลือเพียง 25.75 บาท เท่านั้น ทำให้ตนประหลาดใจอย่างมาก จึงได้เดินทางไปปรับสมุดบัญชี พบว่าเงินจำนวน 10,750 บาท ถูกโอนไปยังอีกบัญชีหนึ่ง
นายสุบรรณ จึงได้เข้าแจ้งความ และติดต่อธนาคารเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามหาตัวคนก่อเหตุรายนี้ โดย นายสุบรรณ กล่าวว่า… หลังได้รับเงินประกันรายได้ข้าว จำนวน 7,000.61 บาท รวมกับเงินในบัญชีเดิมอีก 3,500 บาท ทำให้มี 10,775 บาท
ตั้งใจจะถอนจากบัญชี 5,000 บาทเพื่อไปจ่ายค่าไถนา และใช้จ่ายในครอบครัว แต่กลับถูกโอนเงินออกไปยังบัญชีอื่นดังกล่าว จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและล่าตัวมาดำเนินคดีให้ได้
ล่าสุด วันที่ 28 พ.ย.2565 นายอำนวยพร ภูจีระ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขาโคกศรี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนทราบข่าวจากโซเชียล ก่อนที่จะได้รับการประสานจากผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จ.กาฬสินธุ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนและเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในระบบบัญชี นายสุบรรณ อย่างละเอียดแล้ว
พบว่ายอดเงินจำนวน 10,750 บาท ที่ปรากฏในช่องถอนเงินในสมุดบัญชี ไม่ได้เป็นการถอนเงินเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2565 ตามที่เป็นข่าว แต่เป็นยอดการถอนเงินหลายครั้งรวมกันในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งพอนำสมุดบัญชีมาอัพเดท เครื่องปรับสมุดบัญชีได้รวมยอดเงินการถอนเป็นยอดเดียวกัน
สำหรับเงินโครงการเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ของ นายสุบรรณ เงินยังไม่ถูกโอนเข้าบัญชี เนื่องจากการส่งข้อมูลในระบบเกษตรกรอยู่ในรอบหลัง ส่วนเงินประกันรายได้หรือเงินส่วนต่าง นายสุบรรณจะไม่ได้ เนื่องจาก นายสุบรรณ ขายข้าวได้ในราคาตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการเข้าใจผิด