เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อหนุ่มคนหนึ่งเจอคนมาปลูกบ้านในที่ดินของตัวเอง พื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองเมือง จ.กาญจนบุรี และความโชคร้ายที่มากกว่านั้นคือ มีหนังสือจากหน่วยงานรัฐสั่งปรับเงินฐานก่อสร้างบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้สร้าง ตอนนี้พยายามไกล่เกลี่ยคู่กรณี แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
ล่าสุด วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 รายการโหนกระแส มีการเชิญคุณไพรัตน์ เจ้าของที่ดิน, คุณนิด คู่กรณีที่สร้างบ้านผิด และนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการ ซึ่งสามารถสรุปเรื่องราวได้ดังนี้ คุณนิดคู่กรณี ได้ซื้อที่ดินมาในราคา 1 แสนบาท และมีแผนที่จะสร้างบ้านบนผืนดินดังกล่าว
เมื่อมีการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการยื่นเรื่องเพื่อขอก่อสร้าง และจ้างบริษัทเอกชนมาตรวจรังวัดภายหลัง จึงรู้ว่า มีการสร้างบ้านผิดที่ขึ้น กลับไปสร้างในที่ของคุณไพรัตน์ จึงหยุดสร้างทันที ทั้งนี้ที่ดินของทั้ง 2 คนก็มีส่วนติดกัน และสาเหตุที่ไม่จ้างหน่วยงานรัฐมาวัด เพราะว่าช่วงนั้นโควิดระบาด หน่วยงานปิดสำนักงานกันเพียบ
ส่วนคุณไพรัตน์ มาทราบว่ามีการสร้างบ้านผิดหลังบนพื้นที่ของตัวเองในเดือนธันวาคม จึงพยายามไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ขณะเดียวกันกับถูกหน่วยงานรัฐส่งหนังสือมาเรียกค่าปรับฐานสร้างบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต เรียกเก็บเป็นรายวัน ทั้งที่ตนไม่ได้เป็นคนสร้าง แม้เป็นเจ้าของที่ดิน ทำให้เสียเวลา จนมาร้องเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด
ที่ดินดังกล่าว ซื้อมาในปี 2557 และมีตากับยายท่านหนึ่งคอยดูตลอดอยู่ใกล้ ๆ ให้ปลูกผลไม้ แต่ช่วงโควิดระบาด 2-3 เดือน ทำให้ตนไม่ได้เข้าไปดู รวมถึงช่วงกลางปี 2564 ด้วย (เป็นจังหวะที่กำลังก่อสร้างบ้านพอดี) อัยการ ชี้ ทั้ง 2 ฝ่ายอาจมีความผิดด้วยกันทั้งคู่
นายปรเมศวร์ ระบุว่า… จากที่ฟัง ๆ มา คุณนิดอาจจะไม่ผิดกฎหมายในเรื่องของการบุกรุก เพราะไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้อกฎหมายเรื่องการปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตผิดแน่นอน และการที่คุณนิดไปสร้างบ้านก่อนที่จะไปวัดรังวัด นั่นเป็นเพราะว่า อาจมีเรื่องการจ่ายภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนคุณไพรัตน์ อาจจะมีความผิดในเรื่องแง่ของความประมาท เพราะไม่มีแนวรั้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บ้านหลังดังกล่าวที่สร้างขึ้นมา ตามกฎหมายถือว่าเป็นบ้านของคุณไพรัตน์แล้ว สามารถทำอะไรก็ได้ จึงเสนอทางออก 3 ทางให้เรื่องนี้ นายปรเมศวร์ เสนอทางออก 3 ทางให้กับคุณไพรัตน์ดังนี้…
1. ขายที่ดิน
2. แลกที่ดินเพราะอยู่ติดกัน
3. สร้างบ้านต่อไปในพื้นที่ตรงนั้น รวมถึงที่ดินของคุณนิด แล้วค่อยขายแบ่งผลประโยชน์กัน
ทั้งนี้ คุณไพรัตน์บอกว่า ที่ดินตรงที่เป็นที่ดินสวยมาก ไม่แลกเด็ดขาด และไม่มีการทำโครงการกับใคร เพราะตนก็มีโครงการของตัวเองคือการทำห้องเช่า ด้านคุณนิด กล่าวว่า… เคยเสนอซื้อที่ดินตามราคาประเมิน 4 แสนบาท แต่ถูกปฏิเสธ และเรียกเงินในราคา 2 ล้าน
ตรงจุดนี้ตนจ่ายไม่ไหว ตอนนี้ต่อรองลดเหลือ 1.2 ล้านบาท ก็ยังไม่สำเร็จ ส่วนที่ดินตรงนี้ ตนต้องการทำบ้านจัดสรร คิดราคาขายหลังละ 2 ล้านบาท รวม 4 ล้าน ถ้าหากซื้อที่ดินราคาแพงย่อมทำไม่ได้ ซึ่งงานนี้ ต่างก็มีชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
ที่มา: โหนกระแส