เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2565 ได้สมาชิกของเว็ปท่านหนึ่ง ได้ปรึกษาปัญหาเรื่องสินสอด โดยเล่าว่า เธอ และแฟนอยู่ที่อเมริกา แฟนเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป พอมีเงินเก็บ และหนี้สินเล็กน้อย ส่วนเธอมาที่อเมริกาด้วยวีซ่านักเรียนต้องส่งเสียตัวเองเรียน ค่าเทอมค่อนข้างสูงจึงไม่ค่อยไม่เงินเก็บ ที่ผ่านมาแฟนจะคอยจัดการธุระเรื่องที่พักต่างๆ ให้
ซึ่งแฟนไม่ใช่สายเปย์แต่อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยไป พวกเธอเพิ่งแต่งงานกันได้ 2 เดือน โดยแม่ของเธอได้ถามว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่ เธอนั้นยังไม่มั่นใจเพราะต้องรอกรีนการ์ด แม่เลยพูดขึ้นมาว่า… อยากได้สินสอด ถ้ากลับไทยไปต้องมีให้แม่นะ เธอได้ยินแล้วไม่เห็นด้วยกับแม่มาก มองว่าเรื่องสินสอดมันไม่จำเป็น เพราะแฟนดูแลเธอดีมาก ๆ อยู่แล้ว
ค่าใช้จ่าย ค่าทนายทำเรื่องกรีนการ์ดก็หลายแสนบาท แฟนช่วยเหลือมามากพอแล้ว ถึงเธอจะไม่ค่อยมีเงินเก็บแต่ก็ส่งเงินให้แม่ทุก ๆ ปี ซึ่งแม่ไม่มีหนี้หรือภาระใด ๆ แถมกิจการที่บ้านก็ไปได้ดี เธอยอมรับว่าที่ผ่านมาครอบครัวเลี้ยงมาอย่างดี ไม่เคยต้องลำบาก เธอก็สำนึกในบุญคุณนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจมากว่าทำไมแม่ถึงอยากได้สินสอดขนาดนี้
นอกจากนี้ เธอกับแฟนตั้งใจจะเปิดธุรกิจร้านอาหารเล็ก ๆ ถ้านำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าสินสอด พวกเธอก็จะไม่มีเงินทุน และเธอก็อยากตั้งตัวให้ได้ก่อนกับชีวิตแต่งงาน ซึ่งเธอคิดว่าหากแม่ได้เงินตรงนี้ไปแม่จะเก็บไว้ไม่คืนเธอแน่นอน หากสมมติแม่เรียก 1 ล้าน แล้วเธอบอกว่าแฟนจ่ายค่ากรีนการ์ดกับค่าแต่งงานไปแล้ว
หักลบต่าง ๆ เหลือ 3 แสน ถ้าจะให้แม่จำนวนเท่านี้มันดูน้อยไปมั้ย พอมีวิธีพูดคุยกับแม่อย่างไรบ้าง ด้านความคิดเห็นของชาวเน็ต ส่วนใหญ่แนะนำว่าสาวเจ้าของกระทู้อย่าเพิ่งกลับไทย ให้ทำงานเก็บเงินไปก่อน
รอให้ทุกอย่างลงตัว หรือไม่ก็ให้แม่เลือกระหว่าง จะให้เธอกลับไทย หรือ จะเอาสินสอด ส่วนเรื่องที่จะให้เงินค่าสินสอด 3 แสน ชาวเน็ตแนะนำว่ามีแค่ไหนก็ให้แค่นั้น และงดเงินที่ส่งให้แม่ในทุกปี เพราะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร