เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 ได้รับการร้องขอความเป็นธรรมจากนางสุวรรณ ส่งกลิ่นจันทร์ อายุ 52 ปี ภรรยาของนายบุญรอด ทวีสุข อายุ 44 ปี ชาวบ้านบ้านลุมพุก ม.7 ต.หนองเหล็ก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. สามีนำสิ่งของไปส่งที่วัดบ้านหนองเหล็ก ต.หนองเหล็ก เมื่อส่งของเสร็จแล้วได้มาขอน้ำดื่มที่บ้านของนายสุเบ็ญ จันทร์หอม ผู้ก่อเหตุ ที่อยู่บริเวณหน้าวัดหนองเหล็ก
นางสุวรรณ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นสามีได้เข้าไปหยอกล้อเล่นกับเด็กอายุ 1 ขวบ ที่กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ทำให้นางเด้ง ภรรยาของนายสุเบ็ญ ไม่พอใจที่หยอกล้อเด็กจนเด็กร้องไห้ และอุ้มเด็กไปตามนายสุเบ็ญ ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ริมสระน้ำกับพวกจำนวน 4 คน เมื่อนายสุเบ็ญเห็นจึงไม่พอใจ และพาเพื่อนที่อยู่ในวงเหล้ามาต่อว่าสามี ก่อนรุมทำร้ายจนหมดสติไม่รู้สึกตัว
นางสุวรรณ กล่าวอีกว่า… หน่วยกู้ชีพหนองเหล็ก นำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลลำดวน จ.สุรินทร์ และส่งต่อมาโรงพยาบาลสุรินทร์ เนื่องจากอาการหนัก กระทั่งทางโรงพยาบาลแจ้งมาว่าสามีเสียชีวิตแล้ว จากการชันสูตรพบว่าเยื่อบุผนังลำไส้และม้ามฉีกขาด เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย
หลังจากเกิดเหตุกลุ่มที่ลงมือทำร้ายร่างกายนายบุญรอด ได้เดินทางไปเข้ามอบตัวกับ ร.ต.ท.ชวลิต แสงงาม พนักงานสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ ก่อนถูกตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาออกไป
เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองโดยไม่คิดที่จะหลบหนี ต่อมาผู้ถูกกล่าวหามีการออกมาข่มขู่พยาน ทางครอบครัวเกรงว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องสื่อมวลชนในพื้นที่ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว นางสุวรรณ กล่าวต่อว่า… สามีเป็นเสาหลักครอบครัว ต้องดูแลอีก 4 ชีวิต ลูกๆ กำลังเรียนหนังสือประกอบกับครอบครัวทำมาหากินเช้าค่ำ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร
อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนร้ายทั้ง 4 คน มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถือว่าเป็นเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตน และไม่อยากให้คนเหล่านี้เดินมาเพ่นพ่านข่มขู่ในพื้นที่เกิดเหตุอีก จึงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบดำเนินการนำตัวคนร้ายทั้ง 4 คนมาดำเนินคดีโดยเร็ว ด้านนายเชาว์ อายุ 67 ปี คนในบ้านหนองเหล็กกล่าวว่า…
นายบุญรอดเป็นคนดี มีงานภายในหมู่บ้านจะช่วยทุกงานจนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน นายบุญรอดเป็นคนรักเด็ก เห็นเด็กๆ เล็กๆ จะชอบหยอกล้อเป็นประจำ แม้แต่คนภายในหมู่บ้านก็ทราบกันดี และไม่เคยไปสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้คนอื่น คนในหมู่บ้านก็ไม่เคยถือสาอะไร แต่ที่นายบุญรอดไปถูกคนอีกหมู่บ้านทำร้ายจนเสียชีวิตนั้น ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าไปลงไม้ลงมือทำกับคนดีๆ อย่างนี้เลยเพราะคนตายไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
ขณะที่ญาติพี่น้องที่ได้รับทราบข่าวร้ายต่างเดินทางมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตาย โดยอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยเร็ว เพราะคนตายเป็นคนดีไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ซึ่งวันนี้จะนำศพของนายบุญรอดไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดภายในหมู่บ้าน ถ้าหากคดีไม่มีความคืบหน้า ทางภรรยาและญาติพี่น้อง จะพากันทำหนังสือยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ต่อไป
