เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทางค่ายเพลงแสงระวีอดีดต้นสังกัด ตัดสินใจทำการฟ้อง อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ 2022 พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,200 ล้านบาท โดยก่อนที่จะทำการฟ้อง ทางค่ายออกมาแถลงการณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องสัญญาศิลปินของ อิงฟ้า เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมาทางเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า…
แถลงการณ์เรื่อง ข้อเท็จจริงสัญญาศิลปินในสังกัด ระหว่างบริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กับนางสาวอิงฟ้า วราหะ มุก ตามที่มีข่าวการกระทำผิดสัญญาศิลปินระหว่างค่ายแสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้นสังกัด กับนางสาวอิงฟ้า วราหะ มุก ศิลปินในสังกัด ได้มีการพูดถึงในทางเสื่อมเสียดังที่ปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในขณะนี้ ทำให้บริษัทแสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้รับความเสียหาย สร้างความไม่ชอบ
ชังและขาดความเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนการถูกใส่ร้ายดูหมิ่น โดยสัญญาที่ระบุไว้เป็นเวลา 12 ปีนั้นเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่ายตามหนังสือสัญญา จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ทางบริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จึงขอชี้แจงตามข้อเท็จจริง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.บริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการชื่นชอบและรักในเสียงเพลงของผู้บริหาร และบริษัทฯ ยังมีกิจการหลายประเภทที่สามารถหล่อเลี้ยงกิจการในเครือ ซึ่งมีศิลปินและพนักงานหลายชีวิต โดยที่ผ่านมาได้สร้างสรรค์ ผลงานเพลงและโปรโมตให้กับศิลปินมากมาย จนศิลปินบางคนมีชื่อเสียงโด่งดังในภาคอีสาน
2.ข้อเท็จจริงสำหรับ นางสาวอิงฟ้า แสงรวี วราหะ เริ่มต้นจากการที่มีผู้นำพามาฝากทางค่ายให้ดูแลเป็นศิลปินในสังกัด ซึ่งผ่านขั้นตอนการออดิชั่น และได้รับการยอมรับเข้าค่าย โดยอิงฟ้าเดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้นอิงฟ้าอายุประมาณ 17 ปี บริษัทฯ จึงได้นัดหมายให้นำบิดาและมารดามาด้วย เพื่อตกลงยินยอมให้บุตรของตนเข้าสังกัด แต่มารดาของอิงฟ้า คือ นางบุญช่วย วราหะ ได้อ้างว่าสามีหรือพ่อของอิงฟ้าไม่สบายเดินทางมาไม่ได้ จึงขอเดินทาง
ไปๆ มาๆ เพื่อดูแลสามี ในระหว่างนั้น อิงฟ้ายังศึกษาอยู่ที่อุทัยธานี แต่เมื่อตกลงกันแล้วทางบริษัทฯ จึงได้หารือให้ย้ายมาศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ในโรงเรียนในเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกคล่องตัวในการทำงานเป็นศิลปิน โดยบริษัทฯ ได้อุปการะทั้งค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในระหว่างศึกษา ค่าใช้จ่ายรายวันและรายสัปดาห์ ประมาณวันละ 500-600 บาท บางวันมีกิจกรรมพิเศษ สามารถเบิกซื้ออุปกรณ์การเรียนได้อีกต่างหาก และสามารถร้องขอค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มได้อีก
3.ต่อมา นางบุญช่วย มารดา และอิงฟ้า ได้แจ้งบริษัทฯ ว่า สามีหรือพ่ออิงฟ้าได้จากไป จึงได้ มาขอความช่วยเหลือกับบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท โดยขณะนั้นยังไม่ได้เซ็นสัญญาต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้นอิงฟ้าและมารดาก็ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างถาวร โดยบริษัทฯ ได้อุปการะไว้ทั้งสองคน ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ บริษัทฯ ได้จัดหาที่พักอาศัยให้อยู่อย่างดี
กล่าวคือ มีบ้านพักมีห้องนอนปรับอากาศและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม่บ้านดูแลความสะอาดในห้องและรอบที่อยู่อาศัย บางครั้งมีบริการซักเสื้อผ้าให้ และได้สนับสนุนซื้อเสื้อผ้าอย่างดีให้สวมใส่ ในส่วนของอาหารก็ดูแลกันเสมือนบุตรและสมาชิกใน ครอบครัว โดยมีแม่ครัวทำอาหารให้กิน และได้อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกันและไม่เคยให้กินบะหมี่สำเร็จรูปแทนมื้ออาหารตามที่เป็นข่าว เพราะบริษัทฯ ให้การอุปการะเลี้ยงดูเหมาะสมเป็นอย่างดี
4.เมื่อได้อยู่อาศัยในช่วงเวลาหนึ่งจนพร้อมและมั่นใจกันและกันแล้ว บริษัทฯ จึงได้เรียกนางบุญช่วยมารดาของอิงฟ้า เข้ามาเซ็นสัญญาคู่กับอิงฟ้า เพราะอิงฟ้า ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย ต้องให้มารดาให้การยินยอมลงลายมือชื่อในสัญญาซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจน โดยในสัญญานั้นไม่มีการระบุว่า ให้ยกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวแต่ประการใด การยกเลิกสัญญาต้องได้รับรู้กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการที่ อ้างว่า ยกเลิกฝ่ายเดียวนั้น จึงไม่สามารถทำได้ตามที่เป็นข่าว ทำให้สังคมไม่รู้ความจริง และ มองภาพบริษัทฯ เสียหาย
5.ในช่วงที่อิงฟ้าเป็นวัยรุ่น บริษัทฯ พยายามทำความเข้าใจและปรับเข้าหากัน แต่บางครั้ง การที่ศิลปินหายตัวไป กลับบ้านมาหลังเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ บริษัทฯ มีความเป็นห่วง จึงได้มีจดหมายตักเตือนอิงฟ้าไปหลายครั้ง จนกระทั่งอิงฟ้าจบม.6 ทางบริษัทฯ ได้สนับสนุนให้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยลงกรณ์ อีก 4 ปี โดยอุปการะทั้งค่าเดินทางไปเรียนโดยรถแท็กซี่ ไม่ใช่รถประจำทาง ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา อีกทั้ง
ได้ส่งเสริมและฝึกฝนการร้องเพลง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นมืออาชีพ เมื่อมีความพร้อมก็ได้เข้าห้องบันทึกเสียงและว่าจ้างครูมาสอนเต้น สอนรำไทย ในขณะนั้นมีงานร้องเพลงเข้ามาบ้างประปราย เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยบริษัทฯ ได้ผลิตเพลงให้อิงฟ้าทั้งอัลบั้ม และซิงเกิล อย่างน้อย 15 เพลง ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด และอิงฟ้าได้หายตัวออกไป บริษัทฯ จึงหยุดทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์
6.ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน บริษัทฯ ตระหนักดีว่า การเป็นศิลปินนั้นจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และมีบุคลิก หน้าตาสวยงาม ทางบริษัทฯ จึงลงทุนให้ไป ทำสวยอีหลายอย่าง
7.ความเป็นจริงเรื่องการทำขวัญนาค ทางบริษัทฯ ได้ว่าจ้างวงปี่พาทย์ดนตรีไทยมาสอนเพื่อเพิ่มเติมทักษะ โดยอิงฟ้าได้เรียนทำขวัญนาคจากครูเพลงซึ่งเป็นศิลปินในค่ายเดียวกันมาสอนให้จนเกิดความเชี่ยวชาญ สามารถต่อยอดมีชื่อเสียงในโซเชียลเรื่องการทำขวัญนาค และสามารถออกรับงานทำขวัญนาคได้ โดยรายได้จากการขวัญนาคนั้น ทางบริษัทมอบให้เป็นรายได้ส่วนตัวทั้งหมดโดยไม่มีการหักค่าเปอร์เซ็นต์ใดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่อิงฟ้าให้ข่าวแต่ในทางลบกับบริษัทฯ
8.เรื่องการรับงานแสดงนั้น หลังจากอิงฟ้ามีอัลบั้มและซิงเกิลแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงรับงานได้เล็กน้อย ทางบริษัทฯ ไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์หรือมีรายได้จากงานของอิงฟ้าเลย ตรงกันข้ามทางบริษัทฯ ได้หารือกันเพื่อเพิ่มรายได้ให้อิงฟ้า โดยให้เข้ามาช่วยงานบริษัทเป็นครั้งคราว และจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือน นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ให้ตามปกติ ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ได้ยื่นมือช่วยเหลือและดูแลการเงินให้กับมารดาอิงฟ้าเป็นพิเศษต่างหากอีกหลายครั้ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ให้ความรักและความผูกพันกับอิงฟ้าเสมอมา จนกระทั่งอิงฟ้าได้เคยเขียนส่งในแอปพลิเคชันไลน์ว่า รักเจ้าของบริษัทเหมือน เป็นแม่ โดยกล่าวว่า ไม่มีเงิน ก็ไม่ขายแหวนของแม่ เจ้าของบริษัทซื้อแหวนให้ และประโยคที่ว่า รักแม่ คำเรียก อิงฟ้าเรียกเจ้าของบริษัท จะไม่มีวันทำแบบนี้
9.เมื่ออิงฟ้าเรียนจบปีสุดท้าย ได้ขอลางานบริษัทฯ เพื่อไปหาพี่สาว หลังจากวันนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย และได้ทำการบล็อกไลน์ บล็อกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อไม่ให้ใครสามารถติดตามได้ จนกระทั่งได้ไปออกรายการประกวดร้องเพลง เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ ซึ่งฝ่ายประสานงานของบริษัทได้โทรแจ้งรายการว่าอิงฟ้ายังติดสัญญากับค่ายฯ หลังจากนั้นอิงฟ้าได้มาเจรจาที่บริษัทฯ โดยนำกลุ่มบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง มาร่วมเจรจา บริษัทเห็นว่าเป็นการ
กระทำที่ไม่ควร จึงปฏิเสธการเจรจา ซึ่งอิงฟ้าทราบเป็นอย่างดีว่า ตนเองยังอยู่ในสัญญา แต่หลังจากนั้นก็ยังประพฤติผิดสัญญาอีก โดยได้ไปสมัครประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี ฝ่ายประสานงานบริษัทจึงโทรเข้าแจ้งกองประกวดว่า อิงฟ้ายังติดสัญญากับบริษัทฯ โดยทางบริษัทฯ ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการทำงาน แต่ควรขออนุญาตให้ถูกต้องตามสัญญา
10.อนึ่ง การเซ็นสัญญา 12 ปีนั้น หลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว ด้วยความไม่พร้อมของอิงฟ้า ทำให้ยังไม่ได้เป็นศิลปินทันที เพราะบริษัทให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเล่าเรียน โดยส่งเรียนในระดับมัธยมศึกษา – อุดมศึกษา รวมระยะเวลา 7 ปี หลังจากนั้น เมื่อพร้อมแล้ว จึงเริ่มมีผลงานเพลงเผยแพร่ ซึ่งหลังจากนั้นตรงกับช่วงสถานการณ์CVอีก 3 ปี ทำให้ต้องชะลอการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในระหว่างนั้นหากอิงฟ้ามีความประสงค์ดี โดยบอกกล่าวบริษัทฯ เพื่อให้ส่งเสริมสนับสนุน เช่น…
การเข้าประกวดร้องเพลง ประกวดความงาม หรืออื่นๆ บริษัทฯ สามารถยินยอมยืดหยุ่นให้ทำงานดังกล่าวได้ จากการชี้แจงนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่า เป็นความจริงทุกประการ สาเหตุที่ บริษัทฯ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระแสในแง่ลบทั้งสองฝ่าย แต่ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลกระทบในทางลบจากกระแสโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากเพียงฝ่ายเดียว
บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสังคม เพื่อความเป็นธรรม โดยจากนี้บริษัทฯ จะดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสัญญา ละเมิดสิทธิ์ หมิ่นประมาทหรือสร้างความเสียหายใดๆ ต่อทางบริษัทฯ พร้อมลงชื่อ บริษัท แสงรวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด