เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมของจีน นำเสนอเรื่องราวของรักแท้ และคำมั่นสัญญา ที่ทำให้หญิงคนหนึ่งเฝ้ารอมานาน 76 ปี เพื่อจะได้เจอคนที่เธอรักอีกครั้ง จนกลายมาเป็นเรื่องบีบหัวใจที่สร้างความตื้นต้นใจแก่ผู้คนจำนวนมากในเวลาเดียวกัน เฉินเซี่ยวอิง วัย 95 ปี เป็นหญิงชาวบ้านจากเมืองรื่อจ้าว มณฑลซานตง ของประเทศจีน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2489 เธอได้แต่งงานกับ ต่งเซี่ยวอัน ชายผู้เป็นรักแท้ของเธอ
หลังแต่งงานได้เพียง 4 วัน ต่งเซี่ยวอันก็ต้องออกเดินทางไปสู่สนามรบ ในกองทัพปลดปล่อยประชาชน ด้วยความรีบร้อนทำให้เขาทำได้แค่เพียงบอกเธอ ให้เฝ้ารอเขากลับมา ระหว่างที่ภรรยามายืนส่งเขาทั้งน้ำตา เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จากหลายเดือนเป็นหลายปี เฉินเซี่ยวอิงยังคงยึดมั่นในคำสัญญา เฝ้ารอสามีที่รักกลับบ้าน และมักจะเหม่อมองไปยังทางเข้าหมู่บ้าน แต่ก็ยังไร้วี่แววของเขา
แม้ญาติๆ และคนรอบข้างจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้ยอมแพ้ และแต่งงานใหม่ เฉินเซี่ยวอิงก็ยังปฏิเสธ เพราะเธอเชื่อว่าสามีที่ไปรบ ยังคงมีชีวิตอยู่ และเขาจะกลับมาหาเธอในสักวันหนึ่ง ฉันมีเพียงความคิดเดียว เขากำลังต่อสู้ในกองทัพ ปกป้องครอบครัวของเขาและประเทศ ฉันจะดูแลครอบครัวเล็กๆ นี้และเฝ้ารอเขากลับบ้าน เพื่อมาใช้ชีวิตดีๆ ด้วยกัน
ฉินเซี่ยวอิง กล่าว พร้อมๆ กับการเฝ้ารอ เฉินเซี่ยวอิงทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่สามีจนตายจาก ช่วยเลี้ยงลูกของน้องชายจนกระทั่งหลาน ๆ เติบโตกันหมดแล้ว แต่ก็ยังไร้ข่าวคราวของสามีผู้เป็นที่รัก แม้สงครามจะยุติลงไปนานแล้ว การรอคอยของเฉินเซี่ยวอิงยังไม่สิ้นสุดลง แต่ตราบใดก็ตามที่ยังไม่มีเอกสารยืนยันการเสียชีวิตของสามี เธอก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเขายังมีชีวิต และจะกลับมาหาเธอตามคำสัญญา
กระทั่งในปี 2565 เฉินเซี่ยวอิง กลายเป็นหญิงชราอายุ 95 ปี ภาพความทรงจำของสามีเริ่มเลือนรางไปตามกาลเวลา แต่คำพูดของสามีที่บอกให้เธอรอเขากลับมา ยังคงชัดเจนราวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ในที่สุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ระหว่างที่คนจากกองทัพเดินทางมาเยี่ยมทหารผ่านศึกในเมือง พวกเขาก็ได้ทราบเรื่องราวของหญิงชรา ที่ยังคงเฝ้ารอสามีกลับจากสนามรบ และรู้สึกตื้นตันกับเรื่องราวนี้
เพื่อจะช่วยให้ความปรารถนาของหญิงชราเป็นจริง หัวหน้าหน่วยบริการทหารผ่านศึกของเมืองเฉียวซาน จึงช่วยตรวจสอบกระทั่งทราบว่า แท้จริงแล้ว ต่งเซี่ยวอัน สามีของคุณยาย เป็นหนึ่งในวีรชนที่สละชีพในสนามรบ และสุสานของเขาก็ตั้งอยู่ในมณฑลจี๋หลิน ด้วยความพยายามของหลายฝ่าย ในที่สุดทางกองทัพก็ติดต่อไปยังสุสาน จัดการเก็บดินจากหลุมศพของต่งเซี่ยวอัน นำกลับมาส่งคืนสู่อ้อมอกของภรรยาในที่สุด
ตอนที่ได้เห็นสามีกลับมาหลังเวลาผ่านไป 76 ปี ความรู้สึกของหญิงชราก็ผสมปนเปกัน มีคำพูดเป็นพันอยู่ในใจ แต่เธอไม่อาจพูดอะไรได้นอกจาก ดีจริงๆ ที่คุณกลับมาแล้ว เมื่อเรื่องราวของคุณยายถูกรายงานผ่านสื่อ ก็กลายเป็นเรื่องที่สร้างความประทับใจแก่ผู้คนจำนวนมาก รวมถึง เจี่ยกุ้ยเฉียน สมาชิกสมาคมศิลปินจีน ที่ทราบว่าด้วยเงื่อนไขอันจำกัด ทำให้ เฉินเซี่ยวอิง กับสามีไม่เคยมีภาพถ่ายคู่กัน เขาจึงคิดที่จะวาดภาพให้แก่เธอ
เนื่องจากหญิงชราแยกจากสามีมานานร่วม 76 ปีแล้ว ความทรงจำหลายอย่างก็เริ่มเลือนหาย เธอบรรยายได้เพียงลักษณะภายนอกบางอย่างของสามีเท่านั้น เจี่ยกุ้ยเฉียน ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาพยายามจิตนาการภาพคุณยายในวัยสาวโดยอิงจากรูปลักษณ์ของเธอในปัจจุบัน รวมถึงไปเยี่ยมเยียนญาติกับเพื่อนๆ ของ ต่งเซี่ยวอัน จนในที่สุดก็ทราบลักษณะของเขาจากน้องชาย
กลุ่มศิลปินสามารถวาดภาพของคู่ตายายได้สำเร็จ โดยเป็นภาพของทหารหนุ่มที่ส่งรอยยิ้มสดใส เคียงข้างกับภรรยาสาวในชุดสีแดง ก่อนจะนำภาพนี้มาให้หญิงชราได้เก็บไว้ เฉินเซี่ยวอิง แสนยินดีที่ได้รับรูปคู่รูปแรกกับสามี แม้จะเป็นเพียงรูปวาดก็ตาม และได้แต่มองดูภาพนี้ด้วยความตื้นตัน ทั้งนี้ หญิงชรากล่าวว่า… แม้ช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเขาจะสั้นนัก แต่ฉันไม่เสียใจเลย เขาสละชีวิตเพื่อประเทศ และเป็นวีรบุรุษผู้ปกป้องครอบครัวกับประเทศนี้ ฉันภูมิใจในตัวเขาค่ะ
