วันที่ 21 ส.ค. 2565 จากกรณีที่ นายใส เกิดอิน อายุ 69 ปี ชายพิการทางสายตา มีอาชีพร้องเพลงขอทานเปิดหมวกตามตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่างๆในพื้นที่ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ระบุ ถูกญาติฝ่ายภรรยาที่เพิ่งเสียชีวิตไปฮุบสมบัติ นายใส เปิดเผยว่า… ภรรยาชื่อ นางขน อายุ 71 ปี เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา
จากนั้นครอบครัวฝ่ายภรรยาทั้งพี่น้อง และหลานๆ ก็มาเอาทรัพย์สินต่างๆ ที่ตนหามากับภรรยาไปเก็บไว้หมด ทั้งโฉนดที่ดิน ทะเบียนรถ ทะเบียนบ้าน และรถยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพร่วมกับภรรยาตอนที่ยังมีชีวิต ตอนนี้ลำบากมาก ตนมีอาชีพร้องเพลงเปิดหมวกขอทานตามตลาด และงานต่างๆ ทำกับภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมา นับกว่า 10 ปี แล้ว
นายใส เผยอีกว่า… รู้สึกน้อยใจมากที่พอภรรยาเสียชีวิตไป ก็ถูกรังแกจากญาติฝ่ายภรรยา ทุกวันนี้ต้องอาศัยรถเพื่อนบ้านให้ไปส่งตามที่ต่างๆ เพื่อไป ขอทานนำเงินมาดำรงชีพ อยากร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ตอนนี้อยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง หุงหาอาหารกินเอง และจ้างรถเพื่อนบ้านไปหาขอทานร้องเพลงที่ต่างๆ ได้วันละ 700 – 1,200 บาท ต้องให้ค่าจ้างคนขับรถไปส่งวันละ 300-500 บาท บางวันฝนตกก็ไม่ได้เงิน
ผมใช้ชีวิตร่วมกับภรรยานับ 10 ปี ปลายเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ภรรยาก็มาเสียชีวิตจากโรคประจำตัว มีรถยนต์ที่เป็นสมบัติสร้างมาด้วยกัน 1 คัน จะเอาไว้ไปทำมาหากินต่อ แต่หลังจากงานศพภรรยาเสร็จสิ้น ญาติฝั่งภรรยาก็ได้มานำเอาเอกสารต่างๆ รวมถึงรถไปเก็บไว้อ้างว่ายังจัดการเรื่องมรดกไม่เสร็จ เมื่อผมกลับบ้านเกิดที่สุโขทัย แล้วกลับมาบ้านที่กำแพงเพชร ปรากฎว่าบ้านถูกล็อก
ไปขอกุญแจกับฝั่งญาติภรรยาก็อ้างว่ากุญแจอยู่กับคนนั้นคนนี้ เลยตัดสินใจทุบแม่กุญแจเข้าไป ส่วนรถก็ไม่มีใช้ไปทำมาหากิน อาศัยจ้างรถเพื่อนบ้านไปขอทานตามที่ต่างๆ ปกติหากรถอยู่ก็จะจ้างคนข้างบ้านขับไปให้ คราวนี้ก็ต้องลำบากรถคนอื่นให้คนอื่นพาไป เลยขอออกมาร้องขอให้ญาติฝั่งภรรยาคืนรถให้ไปทำมาหากิน ส่วนบ้านจะให้ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร
ส่วน เพื่อนบ้าน บอกว่า สงสารที่โดนกลั่นแกล้ง จึงช่วยเหลือโดยให้ลูกสาวไปขับรถพาไปขอทาน เพราะรถที่เคยใช้อยู่ถูกญาติฝั่งภรรยาเอาไปเก็บไว้ไม่ให้ใช้ อยากบอกว่าของสิ่งใดที่เค้าทำมาร่วมกันตอนที่ภรรยาเค้ายังอยู่ ก็ขอให้คืนเขาไป กลัวว่าวันหนึ่ง หากเป็นอย่างนี้อยู่นายใสอาจจะโดนขับไล่ออกจากบ้านไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในสมบัติที่ทำมากับภรรยาเลย