วันที่ 26 ก.ค. 2565 จากกรณีที่ นายอุ่น (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ชาว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ร้องเรียนกับสื่อว่า เมื่อช่วงต้นปี 2563 ได้รู้จักกับ นางสาวเก๋ (นามสมมติ) ซึ่งอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน โดยนางสาวเก๋บอกว่า เห็นตนอยู่คนเดียว ไม่มีภรรยา กลัวว่าตนจะเหงา จึงอยากจะแนะนำติดต่อหญิงสาวที่รู้จักกันให้
ซึ่งอ้างว่าหญิงสาวคนดังกล่าวชื่อ น.ส.กนกวรรณ ทำงานเป็นแม่ค้าเร่ขายลอตเตอรี่ จากนั้นไม่นานนางสาวเก๋ ออกอุบายหลอกว่า น.ส.กนกวรรณ ป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบ นอนรอผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นางสาวกนกวรรณจึงให้นางสาวเก๋มาขอเงิน 27,000 บาท ตนจึงมอบเงินสดให้ไป หลังจากนั้นนางสาวเก๋ยังหาอุบายหลอกว่านางสาวกนกวรรณป่วยเป็นโรคต่างๆ นานา และขอเงินตนนำไปให้นางสาวกนกวรรณรักษาตัว
ซึ่งตนก็หลงเชื่อให้ไปทั้งเป็นเงินสด และเป็นการโอนเงินผ่านแอพลิเคชันของธนาคารต่างๆ เข้าบัญชีธนาคารของ นาง.ส.แสงระวี (สงวนนามสกุล) รวมกว่า 30 ครั้ง รวมเป็นยอดเงินทั้งหมดกว่า 3 แสนบาทซึ่งตนไม่เคยเพบเห็นหน้า น.ส.กนกวรรณเลย เพียงแต่โทรศัพท์พูดคุยกันเท่านั้น
ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 ตนเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของนางสาวเก๋ และสงสัยว่านางสาวกนกวรรณมีตัวตนจริงหรือไม่ ตนจึงเดินทางไปสอบถามที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา จนทราบข้อมูลว่า ไม่เคยมีคนไข้ชื่อ นางสาวกนกวรรณ เดินทางมาใช้บริการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย
ต่อมาได้ทราบข้อมูลภายหลังว่า นางสาวเก๋ แท้ที่จริงแล้วชื่อว่า นางสาวแสงระวี จึงเชื่อว่าถูกหลอก และได้เข้าแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงไว้แล้วที่ สภ.ปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 โดยหลังจากแจ้งความ นางสาวเก๋ ได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไป และไปอาศัยอยู่กับสามีที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 7 เดือนแล้ว แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ตนออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน เนื่องจากเงินจำนวนกว่า 3 แสนบาทที่ตนถูกหลอกลวงไป เป็นเงินเก็บของตนที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตจากการทำสวนทำไร่ และนอกจากนี้ตนยังเอารถกระบะของตนไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือนางสาวกนกวรรณที่ไม่มีตัวตนจริงอีกด้วย
