งานเข้าจังๆ นทท.ต่างชาติพกกัญชา จากไทยเข้าบาหลีถูกจับ อาจโดนคุก 15 ปี ปรับ 24 ล.

ในช่วงเวลาไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีการใช้พืชกัญชากันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ และการพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งทางกฎหมาย และผิดกฎหมาย โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัย พร้อมปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งได้มีข่าวสารของผลข้างเคียงของการเสพกัญชากันมากมาย รวมถึงข่าวพกอาหาร และเครื่องดื่มผสมกัญชาออกนอกประเทศจนเป็นเหตุให้ถูกควบคุมตัว

ซึ่งล่าสุด สำนักข่าวอินโดนีเซีย รายงานนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถูกจับกุมเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติงูระห์ไร บาหลี ประเทศอินโดนีเซียหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า ชายครอบครองกัญชา 9.1 กรัม ระบุว่าเป็น นักศึกษาชาวบราซิลวัย 25 ปีระบุด้วยอักษรย่อ ASG ถูกจับกุมเมื่อเขามาถึงสนามบิน ด้วยเที่ยวบินแอร์เอเชียจากกัวลาลัมเปอร์เวลาประมาณ 20.00 น. เนื่องจากเจ้าหน้าที่สนามบินเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติขณะกระเป๋าเดินทางของเขาผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์

หลังจากตรวจสอบสัมภาระของเขาแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนามบินพบหีบห่อพลาสติก 4 ชิ้นที่เขียนว่า… Supermao (ซุปเปอร์เมา) บรรจุกัญชาน้ำหนักรวม 9.1 กรัม หรือ 2.8 กรัมสุทธิ ชายคนดังกล่าวเดินทางมาบาหลีเป็นครั้งแรกและตั้งใจที่จะเที่ยวพักผ่อน ก่อนจะถูกกักตัวที่ศูนย์กักกันสนามบิน

หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดสนามบินนานาชาติงูระห์ไรกล่าวว่า… จากคำสารภาพของเขา เขายอมรับว่าเขาซื้อกัญชาขณะที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะเขาเคยอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยมาก่อนและเพื่อการบริโภคของเขาเอง ผู้ต้องสงสัยไม่รู้ว่าในอินโดนีเซีย ห้ามมิให้นำเข้ากัญชาหรือบังคับใช้บทลงโทษที่รุนแรงสำหรับการครอบครองยาเสพติด

ชายถูกตั้งข้อหานำเข้าและครอบครองยาเสพติดที่ผิดกฎหมายประเภทที่ 1 ซึ่งรวมถึงกัญชา ภายใต้กฎหมายยาเสพติดของอินโดนีเซีย เขาอาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 10,000 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซียหรือ 667,022 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24,052,813 บาท)

อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ทยอยออกประกาศเตือนคนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศ มิให้นำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้ามาในประเทศ หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมายทั้งโทษปรับ จำคุก ทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งโทษรุนแรงที่สุดของอินโดนีเซียและสิงคโปร์กรณีลักลอบค้า นำเข้า หรือส่งออก ผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

ที่มา: Voi Coconut

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *