วันที่ 25 มิ.ย. 2565 จากกรณีที่ นางอำพรรณ อมรไตรศรี อาสาสมัครพัฒนาสังคม และความมั่นคงมนุษย์จังหวัดลำปาง (อพม.) อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครลำปาง (อสส.) ชาวชุมชนรถไฟเทศบาลนครลำปาง พบผู้สูงอายุเป็นหญิง อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ซอยนาก่วม 2 ถนนนาก่วม ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง
ต้องทำมาหากินเลี้ยงหลาน 4 คน และเก็บผักไปขายหาเงินส่งหลานเรียนหนังสือ วอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการตรวจสอบ ที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียวก่ออิฐถือปูนขนาดกว้างยาว 4×6 เมตร หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้อง พบ นางวิไลวรรณ รัตนพิทักษ์ อายุ 73 ปี เจ้าของบ้าน อาศัยอยู่กับหลาน 4 คน ภายในบ้านมี 1 ห้องนอนและมีห้องโล่งอเนกประสงค์
นางวิไลวรรณ เปิดเผยว่า เดิมป็นคน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม แต่งงานกับชาวลำปาง และไปทำงานที่ จ.นครปฐม ครอบครัวมีลูกชาย 2 คน ต่อมาเมื่อปี 2545 สามีได้เสียชีวิตลงด้วยโรคเส้นเลือดแตก จึงได้กลับมาอยู่ที่ จ.ลำปาง สร้างบ้านอยู่บนที่ดินของแม่สามี อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน ต่อมาทั้งคู่แต่งงานมีครอบครัว
จากนั้นภรรยาของลูกชายคนเล็กถูกจำอยู่ที่เรือนจำจังหวัดลำปาง ลูกชายจึงได้แต่งงานไปอาศัยอยู่กับภรรยาคนใหม่ มาหาบ้างเป็นครั้งคราว เนื่องจากต้องดูแลครอบครัวใหม่เหมือนกัน ทำให้ตนต้องรับภาระดูแลหลานทั้ง 4 คน ตั้งแต่เล็กจนโตเข้าโรงเรียนเป็นเวลากว่า 16 ปีแล้ว ปัจจุบันมีโรคประจำตัวหลายโรคทั้งโรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน และโรคซึมเศร้า ต้องกินยา และไปหาหมอเป็นประจำ
แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ไปหาหมอเพราะไม่มีเงินค่ารถ ต้องหาเงินค่าอาหารค่ารถส่งหลานไปโรงเรียน โดยหลานคนโต เป็นชายชื่อ นายวุฒิ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 3 ด.ญ.ภา (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เรียนชั้น ม.1 ด.ญ.นิด (นามสมมติ) เรียนชั้น ป.5 โรงเรียนเทศบาล 5 คนสุดท้าย ด.ช.ณัฐ (นามสมมติ) อายุ 9 ปี เรียนชั้น ป.3 โรงเรียนผดุงวิทย์ อ.เมืองลำปาง
กิจวัตรประจำวัน ต้องตื่นแต่เช้าทำกับข้าวให้หลาน อาหารหลักคือมาม่า กับไข่เจียว จากนั้นไปส่งขึ้นรถสามล้อพ่วงรับจ้างไปส่งที่โรงเรียนทั้ง 3 คน ค่ารถวันละ 40-60 บาท และเงินค่าอาหารคนละ 50 บาท 3 คน รวม 150 บาท ส่วนคนเล็กตนจะปั่นจักรยานไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเอง ระยะทางไปกลับประมาณ 3 กม. ก่อนที่จะมาขายผัก และยอดผักบุ้งที่ตลาดเก๊าจาวในตอนเช้า ได้วันละ 100-200 บาท ตอนบ่ายก็จะไปหาเก็บยอดผักบุ้ง เพื่อเตรียมขายต่อในวันรุ่งขึ้นและเก็บผักอื่นๆ ไปขายด้วย เพื่อเพิ่มรายได้
บางวันขายของไม่ได้ ไม่มีเงินให้หลานไปโรงเรียน เหลือเงินติดตัว 10-20 บาท ต้องไปหยิบยืมคนอื่น หากยืมไม่ได้ก็ต้องให้หลานหยุดไปเรียน 1 วัน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารถและค่าอาหารของหลานทั้ง 4 ราย เฉลี่ยวันละกว่า 200 บาท และค่าใช้จ่ายประจำภายในบ้าน ค่าไฟฟ้า โดยมีรายได้ประจำจากบัตรสวัสดิการัฐเดือนละ 300 บาท และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท รวม 1,000 บาทเท่านั้น
นางวิไลวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับบริจาคส่งของช่วยเหลือ ฟูก ผ้าห่มที่นอน มุ้งกันยุง เสื้อผ้าเด็กนักเรียน รองเท้ากีฬาเด็กนักเรียน ขนาดเบอร์ 44-40-38 และ 35 ข้าวสาร อาหารแห้ง สิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นและอื่นๆ โดยเฉพาะรถจักรยาน เนื่องจากทุกวันนี้มีสภาพเก่าและขอบคุณล่วงหน้า หรือติดต่อสอบถามช่วยเหลือได้ที่ นางวิไลวรรณ หรือยายน้อย โทร. 089-553-0173 ส่วนบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาเขลางค์นคร เลขที่ 552-0-20155-2 ชื่อบัญชี นางวิไลวรรณ รัตนพิทักษ์