เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2565 น.ส.พิชญดา พุ่มเลิศ อายุ 30 ปี เจ้าของโรงงานผลิตเตาประหยัดพลังงาน เปิดเผยว่า เตาอั้งโล่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน และได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันตนมาช่วยงานคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงงาน และเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งนอกจากโอ่งมังกรราชบุรี ยังมีเตาอั้งโล่ เนื่องจากที่จังหวัดราชบุรี มีดินเหนียวคุณภาพดีที่ใช้สำหรับใช้ปั้นโอ่ง และปั้นเตาอั้งโล่กันมายาวนาน
ที่โรงงานมีการผลิตเตาถ่านหลายประเภท อาทิ เตาประหยัดพลังงาน มีทั้งทรงแหลม และทรงตรง เตาอั้งโล่ หรือ เตาดำ เตาปิ้งย่าง เตาหมูกระทะ เตาขนมครก มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเปิดจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง และ ยังส่งขายทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายออกจากโรงงานจะเริ่มต้นที่ 80-270 บาท
สำหรับประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้เตามหาเศรษฐีหรือเตาซูเปอร์อั้งโล่ แทนเตาอั้งโล่ธรรมดานั้น มองว่าปกติที่โรงงานจะผลิตเตาประหยัดพลังงานอยู่แล้ว มีทั้งรูปแบบ เตารูปทรงตัววี และทรงตั้งตรง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันตรงที่การเก็บความร้อน
ในขณะเผาไหม้ของถ่าน และการรับน้ำหนักของหม้อต้ม การปั้นจะเน้นปากของเตาที่จะค่อนข้างกว้าง และรังผึ้งจะหนากว่าเตาทั่วไป รูระบายอากาศเป็นรูปกรวย ช่วยไม่ให้ถ่านชิ้นเล็กหลุดร่วงลงบนขี้เถ้า และช่วยเรื่องการดูดอากาศ ทำให้ทำความร้อนได้สูงกว่า เวลาใส่ถ่านไปจะเผาได้ช้ากว่า ประหยัดถ่านกว่าเตาอั้งโล่ทั่วไป 30-40 % ให้ความร้อนสูง อุณหภูมิกลางเตาประมาณ 1,000-1,200 องศาเซลเซียส มีลักษณะเพรียวและน้ำหนักเบา วางภาชนะหุงต้ม (หม้อ) ได้ 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16-32 ขณะหุงต้มไม่มีควันและก๊าซพิษเกิดขึ้น และอายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 2 ปี
อีกทั้งยังมีความแข็งแรง ใช้ถ่านในปริมาณน้อยไม่สิ้นเปลืองถ่าน และยังถูกกว่าการใช้แก๊สหุงต้ม แต่อาจจะเสียเวลาในขณะที่ติดเตาถ่าน ส่วนราคาขายที่โรงงาน 260-270 บาท ส่วนตามร้านค้าปลีกทั่วๆ 290-300 บาท นายประเชิญ นันยา อายุ 49 ปี แผนกจัดส่ง กล่าวว่า เตาอั้งโล่ เตาถ่าน หรือเตาประหยัดพลังงานยังคงได้รับความนิยมสูง โดยตามร้านอาหาร ร้านหมูกระทะ หรือตามบ้านเรือนแถวชนบท โดยเฉพาะยุคที่เชื้อเพลิงมีราคาสูงคนหันมาใช้เตากันมากขึ้น
อย่างวันนี้นำเตาขึ้นรถกระบะ เพื่อไปส่งให้กับร้านค้า จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตร มีทั้งเตาหุงต้มทั่วไป เตาถ่านขนาดใหญ่ และเตาประหยัดพลังงาน ปกติแล้วก็จะวิ่งส่งไปยังทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง เฉลี่ยเดือนหนึ่งจะส่ง 5-6 เที่ยว อนาคตผมมองว่าคนจะหันมาใช้เตาถ่านกันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตามร้านค้าที่ต้องมีการปรุงอาหาร เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายของแก๊สหุงต้มไม่ไหว ส่วนเตาซื้อครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ยาวนานกว่า 1-2 ปี ส่วนเชื้อเพลิงได้ทั้งถ่านสำเร็จ กิ่งไม้ทั่วก็นำมาเป็นเชื้อเพลิงได้ นายประเชิญ กล่าว