จากกรณีเกี่ยวกับกระแสดราม่า พระตะวัน อิทฺธิโชโต หรือ พระอาจารย์แจ้ อำเภอวังน้อย พระนครศรีอยุธยา โดยล่าสุดทาง วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกวย จังหวัดชัยนาท ได้โพสต์ประกาศว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุมงคลที่วัดน้อมประชาสรรค์จัดทำขึ้นนั้น วันที่ 17 มิถุนายน 2565 ทีมข่าวได้เดินทางมายังวัดน้อมประชาสรรค์ จังหวัดอยุธยา พระตะวัน อิทฺธิโชโต หรือ พระอาจารย์แจ้ พระลูกวัดวัดน้อมประชาสรรค์ ได้รับอนุญาตจากพระเถระให้เปิดใจครั้งแรก
พระตะวัน อิทฺธิโชโต หรือ พระอาจารย์แจ้ อายุ 33 ปี บอกว่า อาตมาเคยบวชเณรเมื่อครั้นอายุ 20 ปี เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้บวชพระ เมื่อปี 2558 เป็นเวลา 1 พรรษา โดยในปี 2562 หลังจากที่เจ้าอาวาสรูปก่อนมรณะภาพ วัดน้อมประชาสรรค์ ไม่มีพระเหลือแม้แต่รูปเดียว ทางผู้นำชุมชนจึงอยากให้อาตมาบวช แล้วจำวัดอยู่ที่วัดน้อมประชาสรรค์ ด้วยเหตุผลที่อาตมาเคยเป็นเด็กวัดและเคยบวชอยู่ที่วัดน้อมประชาสรรค์ เพื่อทำนุบำรุงวัดที่ทรุดโทรม อาตมาได้ตอบตกลง เพราะอาตมาอยากบำรุงรักษาวัดบ้านเกิดที่ทรุดโทรมให้กลับมาดี
ซึ่งหลังจากที่อาตมาบวชแล้ว อาตมาได้เลิกสักยันต์ตามที่พระเถระบอก อาตมาก็หยุด สิ่งใดที่ฆารวาสทำแต่พระทำไม่ได้ อาตมาก็หยุดทำ เช่น การครอบเศียรครู อาตมาเคยทำตอนบวชเมื่อปี 2558 แต่ขณะนี้อาตมาไม่ได้ทำแล้ว สำหรับการโพสต์ของวัดโฆสิตาราม อาตมาเห็นว่าสมควรแล้ว เนื่องจากอาตมาได้ได้ขออนุญาตทางวัดโฆสิตารามในการสร้างรูปหล่อและรูปถ่ายของหลวงพ่อกรวย อาตมายอมรับผิดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และถือวิสาสะในการทำ อาตมาไม่เคยประกาศตัวว่าเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อกรวย
เพราะอาตมาไม่มีบุญ ได้เกิดมากราบหลวงพ่อกรวย แต่อาตมามักจะบอกว่าอาตมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทรง ซึ่งอาจารย์ทรงเคยบวชเรียน และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อกรวย โดยสาเหตุที่อาตมาทำรูปหล่อ และรูปหล่อออกมาให้ลูกศิษย์เช่าบูชา นำเงินทุกบาทมาทำนุบำรุงวัด เนื่องจากอาตมาศรัทธาและเคารพหลวงพ่อกรวย
โดยในปี 2564 รูปถ่ายนั้นมีลูกศิษย์ทำแล้วนำมาถวายอาตมา จำนวน 3,000 รูป อาตมาก็นำออกมาให้แจกลูกศิษย์ และปล่อยให้บูชา ขณะนี้เหลือรูปถ่ายหลวงพ่อกรวยที่วัดน้อมประชาสรรค์ จำนวน 2 รูป โดยในปี 2564 ปล่อยบูชา รูปละ 300 บาท ขนาดสูง 4 เซนติเมตร รวมกรอบ 5 เซนติเมตร กว้าง 2.5 เซนติเมตร รวมกรอบ 3.5 เซนติเมตร ด้านหน้าเป็นรูปขาวดำของหลวงพ่อกรวย ด้านหลังเป็นอักขระภาษาขอม ซึ่งเป็นคาถาบูชาของหลวงพ่อกรวย ส่วนรูปหล่อของหลวงพ่อกรวยปี 2564 อาตมาสั่งทำขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกในวันไหว้ครู เพื่อนำไว้แจกญาติโยมที่มาทำบุญ และปล่อยเช่าบูชา
ทั้งนี้ อาตมาจะหาโอกาสไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดโฆสิตารามในภายหลัง เพื่อกราบขอโทษและปรับความเข้าใจ เนื่องจากเมื่อ 2 เดือนก่อน อาตมาเคยเดินทางไปแล้ว แต่ลูกศิษย์และกรรมการวัดบางคนไม่ต้อนรับ โดยขณะที่อาตมาเดินทางไปถึง มีญาติโยมเข้ามาถวายปัจจัยจำนวนมาก เกิดเป็นที่จับจ้อง อาตมาก็ได้ถวายปัจจัยในตู้ทำบุญของวัดโฆสิตารามทั้งหมด
โดยขณะที่อาตมาเข้าห้องน้ำ มีกรรมการวัดท่านหนึ่งได้พูดกับลูกศิษย์ของอาตมา แต่อาตมาได้ยินว่า นี่พระอาจารย์แจ้ใช่ไหม ลูกศิษย์ของอาตมาตอบว่า ใช่ พระอาจารย์มากรายหลวงพ่อ”แต่กรรมการวัดได้ตอบกลับว่า เชิญกลับ นิมนต์กลับ อย่าอยู่วัด ออกเลยครับ” แต่อาตมาก็เข้าใจว่าการทำวัตถุเกี่ยวกับหลวงพ่อกวยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำหรับกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น
อาตมาคิดว่าเกิดขึ้นจากการพูดต่อแชร์ต่อของคลิปและข้อความ โดยที่บุคคลเหล่านั้นไม่รู้จักอาตมา ซ้ำร้ายยังมีคนแอบอ้างชื่อของอาตมานำไปขายเหรียญ นำรูปไปขึ้นในเว็บพนัน นำรูปได้โยงการเมือง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งขณะนี้นักกฎหมายกำลังดำเนินการจัดการในเรื่องนี้ ส่วนใครที่ด่าทออาตมา ไม่ถือโทษ แต่ทนายจะพิจารณาฟ้องหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของทนาย เพราะอาตมาเซ็นมอบอำนาจไปแล้ว อาตมาขอชี้แจงว่าอาตมาไม่เคยรู้เรื่องและข้องเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ ในหนึ่งวันสิ่งที่อาตมาทำได้แค่การหลบคน เพราะเมื่อออกมาจากกุฏิ อาตมาก็ถูกถ่ายรูปไปลงโซเชียล แล้วคนก็มาคอมเมนต์ด่า แค่ตื่นเช้าอาตมาจะไปห้องน้ำ อาตมาก็ถูกถ่ายรูป
สำหรับการรดอาบน้ำมนต์ อาตมาได้ได้มัวเมาชาวบ้าน การรดน้ำมนต์เป็นกิจของสงฆ์ อาตมาจะเทศน์สอนธรรมะขณะรดน้ำมนต์อยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ถูกถ่ายคลิปช่วงนั้นไปลงโซเชียล อาตมาไม่ถือโทษโกรธใคร ส่วนปัญหาเกี่ยวกับจำนวนคนที่มารอให้อาตมารดน้ำมนต์ อาตมาทราบดี ทุกวันอาตมาจะจำกัดจำนวนคนที่ต้องการรดน้ำมนต์ จำนวน 500 คน ซึ่งบางครั้งคนที่ไม่ได้รด ก็นอนรอที่วัด เพื่อรอรดน้ำมนต์ในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งอาตมาไม่สามารถปฏิเสธหรือไล่ญาติโยมกลับได้ เพราะบางคนเดินทางมาไกล ซึ่งหากอาตมาไล่คนกลับ สังคมก็จะมองอาตมาเป็นพระหยิ่งเล่นตัว
ในประเด็นเหรียญของอาตมา อาตมาไม่ได้ปลุกเสกเพียงลำพัง กว่าจะสร้างเหรียญหน้าของอาตมาขึ้นมาได้นั้น ผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน เช่น ขออนุญาตพระเถระ เชิญพระเถระมาปลุกเสก อาตมาไม่ได้ทำเหรียญขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องราคานั้นเมื่อวัตถุออกนอกวัดไป คนซื้อคนขายไปตกลงราคากันต่อ ยากที่อาตมาจะเข้าไปควบคุม ปัญหานี้เป็นปัญหามานานและเป็นปัญหาของทุกวัตถุมงคล อาตมาอยากให้ทุกคนแยกแยะว่าก่อนบวชกับหลังบวชนั้นต่างกัน ยกตัวอย่างคนติดคุกที่รับโทษแล้ว เมื่อออกจากคุก สังคมก็ต้องให้โอกาสและเปลี่ยนมุมมองต่อบุคคลนั้นใหม่ อดีตให้เป็นอดีต แล้วมองปัจจุบัน
ฉันไม่เคยบอกฉันดีฉันเก่ง ฉันเป็นพระธรรมดา บ้ า ๆ บอ ๆ ของฉัน สร้างวัดไป สังคมเอาฉันมาด่ า แต่ความดีที่ฉันทำ ไม่เห็นขุดขึ้นมาพูดบ้าง แต่ฉันก็เฉย ๆ นะ เพราะฉันโดนจนชิน นั่งเฉย ๆ ยังผิด พระอาจารย์แจ้ กล่าว ทั้งนี้ กระแสดราม่าบั่นทอนจิตใจทำให้อยากจะสึกบ้างไหมนั้น ถ้าฉันจะสึก ถ้าจะสึกฉันได้ ถ้าพระผู้ใหญ่บอกให้ฉันสึก ฉันจะสึก
แต่ถ้าพระเถระไม่มีคำสั่งให้สึก ฉันก็ไม่สึก ฉันไม่ได้ทำผิด สุดท้าย อาตมาห้ามความคิดใครไม่ได้ อาตมาห้ามคนไม่ให้ถ่ายรูปไม่ได้ โดนแอบถ่ายก็มี คนมาหาอาตมาวันละ 500 คน แต่อาตมาระวังตัว 1 คน อาตมาจะทำอะไรได้ ซึ่งอาตมาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครถ่ายรูปถ่ายคลิปไปทำอะไร อาตมาขอมุ่งพัฒนาวัดน้อมประชาสรรค์ และวัดอื่น ๆ รวมถึงโรงเรียนและสังคมให้ดี
นายอรุษ แก้วใส อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดพิจิตร ออกเดินทางมายังวัดน้อมผระชาสรรค์ตั้งแต่วันพุธที่ 15 มิ.ย. 65 แล้วมาขอค้างที่วัดน้อมประชาสรรค์ 1 คืน เพื่อที่จะได้ตื่นมาทำบุญในตอนเช้าของวันนี้ ซึ่งแม้วันนี้พระอาจารย์แจ้จะไม่จัดรดน้ำมนต์ เจ้าตัวก็ยินดีที่จะรอในวันถัดไป นายอรุษ บอกว่า ตนศึกษาและติดตามประวัติของพระอาจารย์แจ้มานาน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้เดินทางมายังวัดน้อมประชาสรรค์
โดยพระอาจารย์แจ้นั้นช่วยเหลือคนมาโดยตลอด ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ทำให้ตนศรัทธา แล้วตั้งใจเดินทางมากราบพระอาจารย์แจ้ในวันนี้ ไม่ว่าไกลแค่ไหน ตนก็จะเดินทางมา โดยเมื่อคืนนี้ ตนค้างที่วัดน้อมประชาสรรค์ ซึ่งลูกศิษย์คนอื่นรวมถึงกรรมการวัดก็ได้ดูแลตนเป็นอย่างดี โดยแม้ในวันนี้พระอาจารย์แจ้จะไม่รดน้ำมนต์ แต่ตนก็ยินดีจะรอ สำหรับการแสดราม่าที่เกิดขึ้น ตนอยากให้คนที่ตำหนิพระอาจารย์แจ้ ลองมาพบอาจารย์แจ้ให้เห็นกับตา แล้วค่อยด่าท่าน
พระอโนทัย จันทูปะโม อายุ 45 ปี พระลูกวัดวัดน้อมผระชาสรรค์ ซึ่งบวชที่ จ.พิจิตร เมื่อปี 2558 จากนั้นได้ย้ายมาจำวัดที่อยุธยา บ้านเกิด เมื่อปี 2562 แล้วย้ายมาจำวัดอยู่ที่วัดน้อมประชาสรรค์ในปี 2563 บอกว่า ในปี 2562 หลังจากที่เจ้าอาวาสรูปก่อนมรณะภาพ วัดน้อมประชาสรรค์ไม่มีพระจำวัดแม้แต่รูปเดียว เนื่องจากวัดค่อนข้างทรุดโทรมและไม่ค่อยเจริญ หลังคารั่วผุ ถนนเป็นหลุมเละ จนพระอาจารย์มาบวชและอยู่จำวัด จากนั้นพระอาจารย์แจ้ก็คอยพัฒนาวัดน้อมประชาสรรค์เรื่อยมา โดยในปี 2562 เจ้าอาวาสรูปก่อนเหลือเงินในบัญชีวัดไว้ให้เพียง 700 บาท
จนขณะนี้พระอาจารย์แจ้พัฒนาและทำนุบำรุงวัด มีเงินในบัญชีหลักล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวพระอาจารย์แจ้ได้แบ่งจัดสรรนำเงินไปทำบุญให้กับวัดอื่น ทำบุญเป็นทุนการศึกษาให้เด็ก เดือนละหรือปีละประมาณ 50,000 บาท และเก็บเงินอีกส่วนไว้ซ่อมแซม และสร้างวัดน้อมประชาสรรค์ อาตมาเชื่อ และมั่นใจในตัวพระอาจารย์แจ้ว่าท่านทำเพื่อวัดน้อมประชาสรรค์จริงๆ พระอาจารย์แจ้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือชาวบ้าน ช่วยเหลือน้ำท่วมทั้งใน และต่างจังหวัด ทั้งนี้ อาตมากล้าพูดได้ว่าวันนี้วัดน้อมประชาสรรค์เปลี่ยน และพัฒนาไปจากเดิม อาตมาจึงอยากให้คนที่ตำหนิด่าทอพระอาจารย์แจ้นั้นลองเดินทางมาสัมผัสพระอาจารย์แจ้ด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งว่าท่านเลย
ที่มา: ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34