วันที่ 5 มิ.ย. 2565 จากกรณีที่ นายสาธิต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ชาว ต.วังแขม อ.คลองขง จ.กำแพงเพชร ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้กลอุบายหลอกโอนเงิน ทั้งที่ผู้เสียหายไม่ได้โอนเงินจากแอปฯ ธนาคารหรือจากตู้เอทีเอ็ม แต่จู่ๆ เงินก็หายไปจากบัญชีเฉยๆ นายสาธิต เปิดเผยว่า… แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาแจ้งเรื่องพัสดุผิดกฎหมาย และมีประวัติฟอกเงิน 9 ล้านบาท
พร้อมทั้งขอตรวจสอบัญชี ก่อนให้เแอดไลน์พูดคุย และส่งลิงค์จากเว็บไซต์หนึ่งให้กรอกข้อมูลเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินจากนั้นแก๊งคอลเซ็นต์เตอร์ก็ให้จดรายละเอียดถึงวันเวลาที่ตนส่งพัสดุทั้งที่ไม่ได้ส่ง ซึ่งมีปลายทางไปยัง จ.เชียงราย ภายในมีพาสปอร์ตชาวพม่า 12 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 9 ใบ สมุดบัญชี 9 เล่ม ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโอนสายไปให้คนที่อ้างเป็นตำรวจพูดคุย
โดยมิจฉาชีพที่อ้างเป็นตำรวจได้ให้ตนแอดไลน์ ก็พบใช้ชื่อว่า สภ.แหลมฉบัง ก่อนจะบอกให้ตนแคปฯหน้าจอจำนวนเงินจากแอปฯธนาคาร ซึ่งตนมี 6,112.97 บาท แล้วส่งให้ทางไลน์ และระหว่างคุยยังทำทีคุยวิทยุสื่อสารกับตำรวจเพื่อให้ดูสมจริง โดยตนได้ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ก่อนที่ตำรวจปลอมคนดังกล่าวจะให้คุยกับ พ.ต.อ.จีราวัฒน์ ศักดื์ศรีวัฒนา อ้างว่าเป็น ผกก.สภ.แหลมฉบัง
หลังจากนั้นก็ให้ตนโอนเงินเข้าไปที่กรมบัญชีกลางของตำรวจ ขณะนั้ตนเริ่มเอะใจว่าจะเป็นมิจฉาชีพ จึงไม่โอนเงินไป มิจฉาชีพจึงอ้างว่าถ้าไม่โอนเงินจะมีวิธีตรวจสอบอีกอย่างคือ ถ่ายบัตรประชาชนส่งให้ทางไลน์ แล้วกรอกข้อมูลในลิงค์เว็บที่อ้างว่าเป็นของกรมบัญชีกลาง ซึ่งตนใช้เวลาคุยทั้งหมดกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะวางสาย แต่เริ่มเอะใจจึงลองเช็คที่แอปฯธนาคารปรากฎว่า เงินถูกโอนออกไป 6,100 บาท เหลือติดบัญชีแค่ 12.97 บาท
ตนจึงติดต่อกลับไปที่ไลน์มิจฉาชีพ สุดท้ายได้คำตอบว่า ตนไม่ยอมโอน เลยจัดการโอนเงินเองเลย จึงมั่นใจว่าถูกหลอก ก่อนไปแจ้งความที่ สภ.คลองขลุง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนเชื่อสนิทใจนั้น เพราะเรื่องที่ไม่ต้องโอนเงินก็ได้ และมีวิธีตรวจสอบอย่างอื่นแทน นอกจากนี้หน้าเว็บไซต์ และอะไรหลายๆ อย่างยังดูสมจริง สุดท้ายตนต้องเสียเงินทั้งที่ไม่ได้โอนออกไปเองด้วยซ้ำ ถือว่าวิธีนี้อันตรายมาก ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง