จากกรณีที่มีหญิง อายุ 52 ปี ออกมายืนยันว่า ตนเป็นเจ้าของติ๊กต็อกที่โพสต์ภาพพร้อมระบายความในใจ ซึ่งคนที่ตนอ้างถึงคือ สามีของตน ซึ่งเป็นพนักงานขับรถโดยสารปรับอากาศ วิ่งระหว่างจังหวัดชัยภูมิ ปลายทางคือสถานีขนส่งหมอชิตกรุงเทพ ระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งขาละ 6 ชั่วโมง
สาเหตุที่ตนโพสต์ เนื่องจากความกังวลในการทำหน้าที่ของสามี ที่ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้โดยสารมานานนับปี โดยที่สามีตนต้องทำหน้าที่เพียงคนเดียวตามลำพัง และที่สำคัญการทำงานไม่เป็นไปตามกฎหมายของกระทรวงแรงงาน ซึ่งตำแหน่งพนักงานขับรถ มีความสำคัญต่อชีวิตผู้โดยสารเป็นอย่างมาก
จำเป็นต้องมีพนักงานขับประจำรถโดยสารปรับอากาศอย่างน้อย 2 คน เพื่อสับเปลี่ยน เนื่องจากระยะทางในการขับรถยาวนาน แต่บริษัทกลับมีพนักงานขับรถที่เป็นสามีตนเพียงคนเดียว ทำหน้าที่ทุกอย่าง ที่สำคัญต้องขับรถกลับหัว สามขา คือขับรถไปกลับ ชัยภูมิ-กรุงเทพ 3 รอบต่อเนื่อง โดยไม่ได้พักผ่อน จนสามีตนเกิดอาการวูบ และเบลอ เนื่องจากร่างกายอ่อนล้าและพักผ่อนไม่เพียงพอ
สามีได้รับค่าจ้างเดือนละ 3,000 บาท และถูกหักเป็นเงินสะสม เดือนละ 500 บาท โดยเงินสะสมจะคืนให้เมื่อลาออกจากงาน โดยต้องยื่นหนังสือลาออกล่วงหน้า 1 เดือน ส่วนเงินเดือนหลังจากหักค่าตำรวจรายทาง บางเดือนได้รับค่าจ้าง 1,500-1,700 บาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับการทำงาน
เมื่อสามีแสดงความประสงค์ลาออก นายจ้างได้ให้เขียนใบลาออก 1 ฉบับ ตนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากในเอกสารระบุว่า การลาออก ผู้ลาออกยินดีจะไม่เรืยกร้องเงินค่าชดเชยใดๆ รวมทั้งเงินที่หักสะสมก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้คืนด้วย ต่อมา สามีแจ้งว่าเกิดอาการเมื่อยล้าจนไม่สามารถขับรถต่อได้อีก แต่นายจ้างยังยืนยันจะให้ขับต่อ
ตนจึงรีบไปสกัดรถคันที่สามีขับ ไม่ให้ขับต่อ เพราะเป็นห่วงทั้งชีวิตสามีและผู้โดยสาร หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อนายจ้าง เพื่อขอเคลียร์เงินทั้งหมด แต่นายจ้างลบไลน์ทิ้งจนตนไม่สามารถติดต่อได้ แต่อย่างใดก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ตนได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียนกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอความเป็นธรรมในการทำงาน