จากกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ที่มีชื่อว่า bumbimhanajrr ออกมาแชร์เรื่องราวของเด็กชอบแกล้งแมว ระบุว่า… ลูกคุณไม่ได้น่ารักกับทุกคนนึกถึงข่าวเด็กซนเปิดประตูรั้ว จนเกิดการสูญเสียน้องหมาไซบีเรียนสองตัวไปเลย โดยเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566 คุณบุ๋มบิ๋ม เจ้าของแมว เปิดเผยว่า…
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าบ้านของตนเป็นคล้าย ๆ กับอาคารพาณิชย์หน้าบ้านเป็นพื้นที่สาธารณะทุกคนสามารถเดินผ่านไปมาได้ตรงบริเวณทางเท้า และโดยปกติก็จะมีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่นกันแถวนี้อยู่เป็นประจำ และที่บ้านตนเลี้ยงแมว แต่เลี้ยงระบบปิดไม่ได้ปล่อยน้องออกไปข้างนอกเลย
วันเกิดเหตุตนก็เล่นกับแมวตามปกติอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของบ้าน ก็เอาตำแยแมว ให้น้องเล่นกัน ตนก็นอนเล่นกับแมวอยู่เพื่อรอให้น้องเล่นเสร็จเพื่อจะเก็บของ ขณะนั้นก็มีเด็กคนหนึ่งถือปืน คาดว่านะจะเป็นปืนอัดลม เดินมาที่หน้าบ้านแล้วทำท่าเหมือนจะกระโจนเข้ามาตรงประตูหน้าบ้านก่อนจะยิงเข้ามา ตนจึงตะโกนออกไปแล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งหนีไป
ก่อนหน้านี้เด็กๆ กลุ่มที่มักจะเล่นบริเวณหน้าบ้านตนบางคนก็ดี บางคนก็แกล้งแมว ส่วนมากจะเป็นเด็กผู้ชาย แล้วมากระทืบกระโจนเข้ามาในบ้าน บ้างก็ตะคอก เพื่อทำให้แมวตกใจและมีหนักสุดถึงขั้นพยายามเปิดประตูหน้าบ้านเพื่อให้แมวออกไปข้างนอกและเด็กๆ เหล่านี้มักจะเวียนมา 1อาทิตย์ครั้ง 1เดือนครั้ง วน ๆ ไป ก็ถือว่าบ่อยและน่าเป็นห่วงน้องแมว
โชคดีมากที่วันนั้นตนล็อกประตูไว้ 2 ชั้นเพราะเพิ่งเห็นข่าวน้องหมาไซบีเรียนที่มีเด็กมาเปิดประตูให้น้องออกไปจากบ้านแล้วโดนอุบัติเหตุเสียชีวิต ตนจึงล็อกประตูเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแบบนั้น
หลังจากนั้นตนก็ได้ไปถามรปภ. ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร ครอบครัวเป็นใคร พร้อมกับได้นำคลิปให้ดู เพื่อที่จะไปคุยกับพ่อแม่น้องว่าปืนนี้มันอันตรายหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่กับตนหรือกับแมว แต่ถ้ากับเพื่อน ๆ ของน้องที่เล่นด้วยกัน ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ปืนลั่น ถึงจะเป็นปืนลมก็ค่อนข้างที่จะอันตราย เพราะว่าถ้าเกิดว่าเข้าตา เข้าหู เข้าจมูก ก็ส่งผลอันตรายได้หมด แต่ตอนนี้ ก็ยังไม่ทราบว่าผู้ปกครองน้องเป็นใคร
อีกอย่างตนก็ไม่มั่นใจว่าเป็นปืนอัดลมจริงไหม เพราะน้องไปไวมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่กระสุนจริงตนก็โอเค แต่ถ้าเกิดว่าเป็นปืนอัดลมหรือว่าสามารถปืนที่ยิงจนได้รับการบาดเจ็บได้ น้องก็ควรที่จะได้รับการแก้ไข และต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ทำการเก็บของเล่นชิ้นนี้ให้ห่างจากมือน้องดีกว่า
สำหรับหลายๆ คนที่มาเห็นคลิปแล้วถามว่าทำไมไม่ออกไปตักเตือน ตนอยากบอกว่าบางครั้งไม่ได้ออกไปตักเตือนน้องตรง ๆ ก็เพราะว่าบางทีตนทำงานอยู่หลังบ้านออกมาไม่ทัน แล้วอย่างเหตุการณ์นี้พอตนตะโกนออกไปน้องก็วิ่งหนีไปเร็วมาก และที่ตนกังวลคือ
หลังจากเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ น้องแมวของตนก็กลายเป็นว่ามีความผวาตลอดเวลา ไม่ว่าใครเดินผ่านหน้าบ้านก็จะมีอาการหวาดกลัว ตกใจ แล้วก็เตลิดไปหลบอยู่ในบ้าน บางครั้งเห็นเด็ก น้องแมวก็จะกระโจนหนีทั้งทั้งที่บางทียังเดินไม่ถึงหน้าบ้านด้วยซ้ำเป็นแบบนี้ตลอด
สุดท้ายนี้อยากฝากถึงผู้ปกครองของน้องน้องว่าในสังคมมีคนใจดีก็มีคนใจร้ายก็มี ซึ่งตนก็เป็นทั้งทาสแมวแล้วก็เป็นคนด้วยกัน ถ้าเด็กมีพฤติกรรมแบบนี้ตนรู้สึกว่าแก้ไขได้เพราะน้องยังเล็กอยู่สามารถพูดคุยให้เด็กเข้าใจได้ แต่ถ้าพูดคุยแล้วเด็กมีพฤติกรรมแบบนี้อีกพ่อแม่ควรจะเข้ามาจัดการจริงจังเพื่อไม่ให้ลูกกระทำแบบนี้กับคนอื่นอีกและพ่อแม่ต้องเข้าใจว่าพื้นที่ส่วนบุคคลไม่ควรทำเช่นนี้มันก็จะดีกว่า เพราะไม่อยากให้มีเรื่องใหญ่โตถึงขั้นต้องแจ้งตำรวจ