ณ.ที่บริเวณลานรูปปั้น ครูกายแก้ว หน้าเดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก ได้มีประชาชนที่ศรัทธามารอเพื่อเข้ามากราบไหว้ครูกายแก้ว ที่จะเปิดให้เข้ากราบไหว้เวลา 17.00 น. แต่ต้องเลื่อนเวลาออกไปเป็น 21.00 น. เพื่อต้องการเคลียร์วัสดุก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่ให้เรียบร้อยไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ที่เข้ามากราบไหว้ แต่เนื่องจากมีผู้ที่รอมาแก้บนจำนวนมาก เดินทางไกลมาจากต่างจังหวัด จึงเปิดให้ผู้ที่รอกราบไหว้เข้าเวลา 17.45 น. ก่อนจะปิดเคลียร์พื้นที่แล้วเปิดในเวลา 21.00 น.
ขณะที่คุณแทมมี่ หนึ่งในผู้ที่เดินทางมาแก้บน กล่าวว่า ตนเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้มาขอพรขอให้ขายคอนโดได้ หลังจากนั้นวันเดียวก็สามารถขายได้ดังที่ขอเอาไว้ และยังถูกลอตเตอรี่เลขรถครูกายแก้ว ซึ่งตนไม่เคยถูกมาก่อนในชีวิต ตนไม่ได้บนเพียงขอพรเท่านั้น เมื่อสำเร็จ ก็นำดอกไม้ธูปเทียน น้ำหวาน ผลไม้ และของหวาน มาไหว้ท่าน
ส่วนผู้ดูแลสถานที่ ครูกายแก้ว กล่าวว่า เราไม่ได้เปิดให้มีการขายดอกไม้ ธูปเทียนหรือเครื่องบูชาใดๆ ทั้งสิ้นในบริเวณนี้ และห้ามนำหมาแมวตามที่เป็นข่าว หรือสิ่งที่ไม่สมควรเข้ามากราบไหว้ คนที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้จะนำผลไม้ น้ำหวาน ช๊อกโกแลต และดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้เท่านั้น
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กทม. ดร.ศุภาชัย ผ่องสวัสดิ์ ประธานกรรมการหน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนาฯ สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, น.ส.วีรยานันท์ อภิธนาพัฒน์ ประชาสัมพันธ์คณะกรรมการ สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา หน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และคุณจิตติมา เจือใจ อดีตศิลปินนักร้องแผ่นเสียงทองคำ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ พร้อมทีมงาน องค์กรเครือข่ายชาวพุทธ กทม.
รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือพร้อมอ่านแถลงการณ์ ถึงผู้บริหารโรงแรมไนท์บาร์ซ่า เพื่อเสนอแนะ และร้องเรียนให้ผู้บริหารพิจารณายุติการให้สักการะ และนำรูปหล่อ “ครูกายแก้ว” ออกจากพื้นที่ เพื่อความสบายใจ และเป็นขวัญกำลังใจของประชาชน ดร.ศุภาชัย กล่าวว่า… อยากจะใช้โอกาสนี้เป็นสื่อในการทราบถึงหลักของชาวพุทธในการสักการะบูชาอะไรก็ตามจะต้องมีหลักเหตุ และผล ในเรื่องของการมู หรืออภินิหารต่างๆ ก็จะมีอยู่ในพระพุทธศาสนา
เรื่องการไหว้เทวดาก็ถือว่าไม่ผิดหลักการ แต่ต้องมีหลักฐานอ้างอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการปล่อยให้ความเชื่อในลักษณะดังกล่าวนี้ไปสู่รุ่นสู่รุ่น โดยที่เด็กรุ่นหลังจะกราบไหว้โดยไม่มีเหตุผล เพียงเพราะเห็นได้โชคลาภก็ไหว้สะเปะสะปะ อาจเป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าการบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล ดังนั้นพระรัตนตรัยจึงควรที่จะเป็นที่พึ่งสูงสุดของพุทธศาสนิกชน
ด้าน น.ส.วีรยานันท์ อ่านคำแถลงการณ์ ถึงประเด็นดังกล่าว จากมีการนำรูปปั้นที่แปลกตาและมีลักษณะน่ากลัวนำมาตั้งให้คนสักการะเสมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ไม่ทราบประวัติที่มาว่าเป็นสถานะใด เป็นเทพ เป็นพรหม หรือสิ่งใด ต่อมามีผู้รู้ผู้วิจารณ์ในโซเชียลมากมาย ต่างออกมาระบุว่าเป็นอสุรกายบ้าง เป็นเทพอสูรบ้าง ซึ่งไม่สอดคล้องกับเทพเทวดาในหลักพระพุทธศาสนา บางรายบอกเป็นเปรตบ้าง
ซึ่งดังที่กล่าวมา พระพุทธศาสนาได้มีหลักคำสอนที่ทุกคนควรยึดถือและปฏิบัติคือการบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล เช่น พระรัตนตรัยบิดา มารดาหรือเทวดา และพระมหากษัตริย์ ที่มิใช่อสูรกาย เปรต ถึงแม้จะมีอิทธิฤทธิ์บันดาลบางอย่างได้ แต่ก็อยู่ในภูมิทุคติต่ำกว่ามนุษย์ จะเป็นมงคลได้อย่างไร ซึ่งจะนำมาซึ่งความเสื่อม และไม่เป็นมงคลต่อผู้บูชา และอาจจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงได้
ดังนั้น เครือข่ายจึงไม่สบายใจ จึงอยากจะเสนอแนะเพื่อพิจารณา คือ ไม่ให้คนสักการะบูชา อาจจะทำเป็นรูปปั้นที่แสดงประวัติตามความเชื่อ แต่ไม่ใช่เปิดให้สักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลางเมือง ถ้าเป็นไปได้จะเคลื่อนย้ายออกไปให้พ้นในพื้นที่จะดีมาก หรือหากไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่าง ก็ควรที่จะจัดพิธีบวงสรวงขอขมาต่อพระรัตนตรัย และพรหมเทวดาชั้นสูงมีท้าวมหาราชทั้ง 4 และไม่เน้นการบูชารูปปั้นนี้อีกต่อไป โดยต้องมีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดภาณยักษ์ เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้บรรดาภูตผีหรือสิ่งไม่ดีที่มาสถิตสิงห์อยู่ในรูปปั้นนี้หลีกทางออกไปด้วยพุทธคุณ
ขณะที่ นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหารไนท์บาซ่า เป็นตัวแทนผู้มารับหนังสือ กล่าวว่า พื้นที่นี้เราเป็นเจ้าของร่วมกับการรถไฟ เพราะเราเช่าพื้นที่การรถไฟ ขณะนี้โรงแรมของเราอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูโรงแรม หลายคนตกงานไปในช่วงโควิด ฝ่ายบริหารได้เห็นพื้นที่แยกห้วยขวางมีการไหว้สักการะและดึงดูดนักท่องเที่ยว ฝ่ายบริหารเราจึงได้ดำเนินการตามบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นใหญ่โตขนาดนี้
ซึ่งเจ้าของครูกายแก้วมาขอเช่าพื้นที่ซึ่งเราก็ไม่รู้จัก แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะบอกว่าตอนนี้ประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาชมที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ยอดจองโรงแรมดีขึ้น ส่วนเรื่องผิดศาสนานั้นอาจารย์ที่ทำครูกายแก้วได้ออกมาบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธ แต่เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หากมองว่าจุดนี้เป็นปัญหาก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูในจุดอื่นๆ เช่น วัดที่ยังมีการไหว้รูปปั้นอื่นๆ เช่น ไอ้ไข่ หรือพญานาค ซึ่งทางโรงแรมไม่ได้เพิกเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น
วันนี้ กทม.มาพูดคุยหารือจึงได้ข้อสรุปว่า เราควรจะเอาใจทั้งสองฝ่ายสำหรับคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบ โดยจะแก้ปัญหาด้วยการทำโดมคลุมเพื่อปิดกั้นให้เฉพาะคนที่ชอบและศรัทธาเข้ามาสักการะ สร้างเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานครเพื่อหาทางออกของทั้งสองฝ่าย ทางโรงแรมยอมถอยและน้อมรับฟัง
ทั้งนี้ เหล่าศิลปินยังขอแสดงเจตนารมณ์ในช่วงท้ายยืนยันว่าหากมีความเป็นได้ไปได้อยากให้นำรูปปั้นครูกายแก้วออกไปจากพื้นที่ใจกลางกรุง เนื่องจากหวั่นเรื่องทุนนิยมที่อาจจะตามมาในอนาคต