งานเข้ายูทูบเบอร์ชื่อดัง ถูกร้องพฤติกรรมใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ตำรวจเข้าตรวจค้นบริษัท ต้องสงสัยตกแต่งบัญชีรายได้

วันที่ 24 มิ.ย. 2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ร่วมกันตรวจค้น 4 บริษัท ดังนี้…

1. บริษัท สอดอ สไตล์ จำกัด
2. บริษัท ไดนี่ กรุ๊ป จำกัด
3. บริษัท คาราเมล บิสคิท จำกัด
4. บริษัท แฮปปี้ทรีเฟรนด์ จำกัด

โดยสถานที่ตรวจค้น บริเวณถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ สำหรับพฤติการณ์ กก.3 บก.ปอศ. ได้รับเรื่องร้องเรียน ให้ตรวจสอบบุคคลและบริษัทเนื่องจากมีทรัพย์สินและพฤติกรรมใช้ชีวิตประจำวันอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีการโพสต์ไลฟ์สด ว่าตนเสียเงินจากการเล่นพนันออนไลน์ จำนวน 35 ล้านบาท ในช่วงปีที่ผ่านมาตามสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นข่าว

ผู้ร้องจึงขอให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนรับชมรายการผ่านช่องทาง Youtube และ Facebook ของ Youtuber ดังกล่าว ที่รับชม ถูกเชื้อเชิญให้ซื้อสินค้าต่างๆ โดยข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าบุคคลผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวเป็น Youtuber ชื่อดัง มีผู้ติดตามหลายล้านคนในสื่อสังคมออนไลน์ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของกิจการหลายบริษัท โดยพบว่า ไม่ได้ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าบริษัท ที่ Youtuber ชื่อดังนั้นเป็นเจ้าของกิจการ

มีการยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง โดยไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการใช้เงินเล่นการพนันตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ถึงปัจจุบัน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จึงน่าเชื่อว่ามีความผิดปกติทางบัญชี และอาจเกี่ยวเนื่องไปจนถึงการเสียภาษีประจำปี

หลังเข้าตรวจค้นพบว่า บริษัทของ Youtuber ชื่อดังและแฟนหนุ่มที่เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นนั้น มีความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ในข้อหา ดังนี้…

1. ไม่ได้จัดเก็บเอกสารทางบัญชีไว้ที่สถานประกอบการ ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 โทษตาม มาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2. ไม่ได้จัดทำใบหุ้นมอบให้กับผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามาตรา 8 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
3. ไม่ได้จัดทำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
4. มีการย้ายเปลี่ยนแปลงสำนักงานและเพิ่มสาขาที่ใช้ในการประกอบกิจการ ซึ่งไม่ส่งคำบอกการเปลี่ยนย้ายสำนักงานแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียน อันเป็นความผิดตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

โดยทั้ง 2 บริษัท มีโทษปรับทั้งส่วนนิติบุคคล และกรรมการที่มีอำนาจลงนามในฐานะบุคคล รวมโทษปรับสูงสุดที่ 275,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเอกสารทางบัญชีของบริษัทที่อาจเข้าข่ายความผิดในเรื่องการรายงานเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรือ งบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบ การลงบัญชีเพื่อให้ผิดความเป็นจริง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาข้างต้น และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องเอกสารทางบัญชีของบริษัทเพิ่มเติม เตือนภัย นิติบุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ครบถ้วน เช่น การจัดเก็บเอกสาร ณ ที่ตั้ง, การจัดทำใบหุ้น, สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น, นำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากปฏิบัติไม่ตรงตามระยะเวลาหรือระเบียบที่กำหนด จะมีโทษปรับ ตามที่กฎหมายกำหนด และการทำบัญชีประจำปีควรทำให้ถูกต้อง หากเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบและพบการกระทำความผิดในเรื่อง

การรายงานเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรืองบการเงิน ซึ่งเป็นการทุจริต ถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งผู้จัดทำบัญชี ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 085-8289599

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *