กลายเป็นเรื่องราวที่เกิดกระแสวิจารณ์มาหลายวันติดต่อกัน หลังจาก จากกรณี ครูอุ้ม อายุ 34 ปี ครูโรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์คลิปลงในโซเชียล เล่าเรื่องราวของ น้องเตย ด.ญ. 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 แต่หัวใจสุดแกร่งช่วยทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง และดูแลนางเสา จินดาศรี อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นย่าตามองไม่เห็นทั้งสองข้างตามลำพัง
หลังจากที่คุณครูได้ลงไปเยี่ยมบ้านเห็นสภาพสองย่าหลาน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก โดยนอนอยู่บนเตียงใต้ถุนบ้านที่มีเพียงแผ่นไม้กั้นเป็นผนัง มีช่องว่างขนาดใหญ่จำนวนมากฝนตกก็สาดโดนเปียก เวลาไปโรงเรียนย่าก็จะใช้ไม้เท้าคลำทางจูงมือหลานไปส่งโดยหลานจะเป็นคนคอยบอกทางระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร อาหารการกินก็อาศัยเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท
และเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท เนื่องจากลูกไปทำงานต่างจังหวัดไม่ได้ส่งเสีย หลังเป็นข่าวออกไป ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วย น้องเตย ยอดเงินบริจาคทะลุล้าน รองผู้ว่าฯ พร้อมหลายหน่วยงานรุดช่วยเหลือเตรียมปรับปรุงซ่อมแซมบ้านให้สะดวกปลอดภัย
ล่าสุด พ่อของน้องเตยติดต่อผ่านทีมเพจโหนกระแส ยืนยันไม่เคยทิ้งลูก ไม่ได้หย่าร้างกับคุณแม่ของน้องเตย พ่อทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง แต่ก็กลับมาหาลูกตลอด มีหลักฐานซื้อของฝากให้ตลอด มีลูก 2 คน น้องเตยเป็นคนเล็ก คนโตเป็นผู้ชาย เรียนชั้น ป.6 อาศัยอยู่กับคุณยาย สาเหตุที่ออกมาชี้แจง ไม่ได้อยากได้เงินบริจาคของลูก แค่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะถูกโจมตีเยอะมาก
ด้านย่าของน้องเตย ที่พิการทางการมองเห็นยืนยันว่า เลี้ยงน้องมาตั้งแต่อายุ 8 วัน จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เคยได้รับเงิน ไม่เคยได้ของจากลูกชาย ที่ส่งมาให้ลูกแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่ ครูอุ้ม ที่คุณพ่อน้องเตยอ้างว่าได้ติดต่อกันมาโดยตลอด ก็ชี้แจงว่า ไม่รู้จักคุณพ่อของน้อง และไม่เคยติดต่อกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม พ่อของน้องได้ส่งหลักฐานของฝั่งตัวเองมาให้ทีมเพจโหนกระแส เป็นภาพที่ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ในวันที่ไปส่งน้องไปโรงเรียนวันแรก และยังมีภาพที่ซื้อรถจักรยานและรองเท้าให้ลูกด้วย
ส่วนล่าสุดมียอดเงินบริจาคช่วยเหลือสองย่าหลานแล้วกว่า 1 ล้านบาท รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ จะตั้งคณะกรรมการมาเป็นพี่เลี้ยง ป้องกันเหตุไม่คาดคิด เช่น ลูกหลานของย่าจะมาล่อลวงให้ย่าเบิกเงิน จึงอยากป้องกันปัญหาดังกล่าว