เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2566 ณ.มู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต็อกโพสต์ระบุว่า “รับเเจ้งจากประชาชนให้เข้ามาช่วยเหลือนำซากสุนัขที่ถูกกัดตายเป็นสายพันธุ์พิตบูล 4 ตัว ถูกกัดตายไป 1 ตัว ภายในหมู่บ้าน เนื่องจากเจ้าของบ้านเดิมย้ายบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น และไม่ได้นำสุนัขไปด้วย จึงทำให้สุนัขเครียดและเกิดความหิวโหยกัดพวกเดียวกันตายไป 1 ตัว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบว่า สุนัขพันธุ์พิตบูลที่เหลืออยู่ 3 ตัวในบ้านหลังดังกล่าวถูกทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือนำสุนัขทั้ง 3 ตัว และนำซากสุนัขที่ตายอีก 1 ตัว ออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการสอบถามนางพวงทอง อายุ 61 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านที่เลี้ยงสุนัข เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บ้านหลังดังกล่าวมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาขอเช่าพักอาศัยอยู่กัน 2 คน โดยทั้งสองคนนำเอาสุนัขมาเลี้ยง 4 ตัว แต่ต่อมาทั้งคู่เกิดมีปัญหาปากเสียงกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างขนของแยกย้ายหายหน้ากันไป และทิ้งสุนัข 4 ตัวไว้ในบ้าน
โดยจะแวะกลับมาดูบ้านดูสุนัขเป็นพักๆ แต่มาในระยะหลังจะทิ้งช่วงไปนานมากขึ้น จนกระทั่งบ้านถูกตัดน้ำตัดไฟ ทำให้สุนัขทั้ง 4 ตัวไม่มีน้ำและอาหารกิน เดือดร้อนชาวบ้านที่ต้องช่วยเอาอาหารและน้ำมาให้กิน แต่ก็ไม่ได้ค่อยเอามาให้บ่อย เพราะเจ้าของบ้านสั่งห้ามไว้ว่าห้ามไม่ให้ใครเอาอะไรมาให้สุนัขทั้ง 4 ตัวกิน ชาวบ้านเลยไม่ค่อยกล้า เพราะกลัวจะมีปัญหา
แต่ด้วยความที่สุนัขเกิดความหิว เลยไล่ขย้ำกัดกินกันเองจนตายไป 1 ตัว เเต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยนำซากสุนัขที่ถูกขย้ำออกมา เพราะสุนัขพันธุ์ดังกล่าวเป็นพันธุ์ที่ดุร้าย เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและเกิดอันตรายได้ จึงประสานไปทางผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยนำร่างสุนัขที่ตายออกไปก่อนจะเน่าเหม็น
นางพวงทอง เปิดเผยอีกว่า จากนั้นผู้ใหญ่บ้านประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่เข้าไปนำสุนัขที่เหลือทั้ง 3 ตัวและสุนัขอีก 1 ตัวที่ตายออกมาได้สำเร็จ สภาพของสุนัขแต่ละตัวผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้ใหญ่บ้านได้ประสานไปยังเจ้าของสุนัขมาแล้ว และเจ้าของสุนัขรับปากว่าจะเข้ามารับผิดชอบสุนัขทั้ง 4 ตัว แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป จนกระทั่งสุนัขเกิดหิวโซไล่ขย้ำกัดกินกันจนตายเป็นที่น่าเวทนา
หลังจากที่เจ้าของบ้านปล่อยทิ้งให้สุนัขอยู่กันเองตามลำพังโดยไม่มาเหลียวแลนั้น ได้ส่งเสียงเห่าหอนรบกวนเพื่อนบ้านจนไม่เป็นอันหลับนอนเป็นประจำ อีกทั้งกลิ่นอุจจาระก็ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่ว แต่ไม่มีใครเข้าไปทำอะไรได้ เพราะประตูบ้านล็อก จึงต้องให้ทางผู้ใหญ่บ้านเข้าไปดำเนินการแทน
จากการสอบถามนายวรพจน์ บุตะจีน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ซึ่งเป็นคนที่เข้าช่วยเหลือนำสุนัขที่ 3 ตัวออกมาจากบ้าน ผู้ใหญ่บ้านเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่ลงพื้นที่มาให้ความช่วยเหลือนั้น ไม่ได้รับซากศพสุนัขตัวที่ตายไปตรวจ หาสาเหตุเพราะถ้าหากเอาหัวกะโหลกสุนัขที่ถูกกัดตายไปตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อพิษสุนัขบ้าน ก็จำเป็นที่จะต้องฆ่าสุนัขที่เหลืออีกทั้ง 3 ให้หมด
