เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 เวลา 17.30 น. ได้รับรายงานว่า จ.ปราจีนบุรี รายงานว่าได้รับแจ้งที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงนาดี (วังมืด) ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จุดก่อนขึ้นภูเขาพลูหีบ มีชายหนุ่มวัยกลางคนขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างสีดำสภาพเก่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
ภายในรถบรรทุกเครื่องมือก่อสร้างและน้องหมาสีดำเพศผู้ 2 ตัว ท่าทางซึมเศร้าเหม่อลอยทั้งหมาและเจ้าของ จอดรถพักร้อนอยู่ริมถนนสายสุวิทวงศ์ (นาดี–ปักธงชัย) หรือสาย 304 ฝั่งขาขึ้นไป อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา สอบถามทราบชื่อคือนายภานุวัฒน์ อายุ 44 ปี เป็นชาวบุรีรัมย์
นายภานุวัฒน์กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไปทำงานที่พัทยาจังหวัดชลบุรีเป็นผู้รับเหมารายย่อย ต่อเติมตามหมู่บ้านจัดสรร เดินมาทำงานกับภรรยา และเพื่อนรับเหมาคนบ้านเดียวกัน ทำงานร่วมกันได้นานกว่า 1 ปีเศษ เมื่อ 7 วันที่ผ่านมารถกระบะ 4 ประตูของตนถูกไฟแนนซ์ยึดไปเพราะขาดส่งค่างวด
ภรรยาและเพื่อนผู้รับเหมาจะมารับตนให้มาอยู่ที่หน้างาน และเมื่อรถกระบะเพื่อนผู้รับเหมาจอดส่งตน ภรรยาสาวได้ยื่นกระดาษหรือจดหมายน้อยที่พับไว้ให้ตน ก่อนขึ้นรถไปด้วยกันกับเพื่อนผู้รับเหมาโดยไม่บอกว่าจะไปไหน เมื่อรถเคลื่อนไปลับสายตา ตนได้คลี่จดหมายน้อยออกมาอ่านซึ่งเขียนด้วยลายมือของภรรยาไม่กี่บรรทัด
ขณะที่อ่านข้อความถึงกับใจสลายเพราะเป็นข้อความที่บาดใจ ภรรยาขอบอกลา ตนเสียใจจนพูดไม่ออก ไม่อยากพูดถึงภรรยาและเพื่อนผู้รับเหมาหรือชายชู้ แต่ขอให้ทั้งคู่ไปสู่ประตูสวรรค์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตอนนั้นตนก็ไม่มีติดตัวจึงเก็บเครื่องมือก่อสร้างที่มีอยู่ใส่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างตัดสินใจกลับบ้านเกิดพร้อมหมา 2 ตัวที่เลี้ยงไว้ด้วย
นายภานุวัฒน์ เผยอีกว่า ตนเองและภรรยาแต่งงานอยู่กินมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ คนโตเรียนอยู่ ม.1 และลูกสาวคนเล็กเรียนอยู่ชั้น ป.5 โดยออกเดินทางจากพัทยา จังหวัดชลบุรี มาได้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ค่ำไหนก็ขออาศัยนอนในวัด และขอข้าวก้นบาตรพระกิน และมีพระ-คนเมตตาสงสารสอบถามถึงที่มาที่ไปและเมตตาให้เงินค่าน้ำมันรถเพื่อเติมวิ่งไปให้ถึงที่หมาย คาดว่าน่าจะถึงบ้านในอีก 2 วันข้างหน้านี้