เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2566 เวลาประมาณ 11.30 น.ที่จังหวัดนครปฐม พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัว นาย สิทธิโชค แสงสว่าง (พุด) พ่อเด็ก และในช่วงเวลา 14.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นางสาว พิไลภรณ์ (นิ่ม) ก่อเจริญ อายุ 16 ปี (แม่น้องต่อ) มาสอบปากคำเพิ่มที่ สภ.บางหลวง และในช่วงเวลา 15.40 น. มีการส่งข้อความมาที่เครื่องโทรศัพท์ของพี่สะใภ้ มาบอกนางสาวสุภาพร เที่ยงแท้ อายุ 28 ปี แฟนพี่สาวพุด ให้ช่วยบอกพ่อด้วยว่าโดนจับแล้ว
ทางพ่อ และญาติได้เดินทางมาที่ สภ.บางหลวงมาติดตามดู และมาพร้อมนางสาวปภาวดี (กุ๊ก) เขียวรอดภัย อายุ 25 ปี มาสอบปากคำเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชี นางสาวสุภาภรณ์ (เล็ก) เที่ยงแท้ อายุ 27 ปี พี่สะใภ้ของน้องนิ่ม แม่ของน้องต่อเด็กวัย 8 เดือน มาที่ สภ.บางหลวง สอบปากคำเพิ่ม เรื่องเงินโอนเข้ามาในบัญชี
ปุ๊ก มีอาชีรับจ้างทั่วไปทำไร่ ปลูกผัก เรื่องที่โอนเงินเข้าบัญชี ของเล็ก แฟนพี่สาวพุด มาจำนวน 1 หมื่นบาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินของลูกพี่ลูกน้องของ เล็ก ศักดิ์เป็นพี่เล็กเป็นคนมากดเงินจำนวน 1 หมื่นบาทเอาไปให้ปุ๊ก และปุ๊กไปรออยู่ที่บ้านวันที่ 5 ก.พ. 2566 ช่วงเวลาประมาณ 17.00 -18.00 น.
ทางปุ๊กมีปัญหาเรื่องกล้องโทรศัพท์แสกนคิวอาโคสไม่ได้จึงได้ฝากให้เล็กกดเงินให้เป็นประจำให้เป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 และชุดสืบสวนจังหวัดนครปฐมและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางหลวง เร่งประชุมเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง
ทางด้านนางสาวสุภาพร (เล็ก) เที่ยงแท้ อายุ 28ปี แฟนพี่สาวพุด (พี่สะใภ้) เล่าว่า… เพื่อนชื่อ ปุ๊ก ถามว่าตนเองอยู่ที่ไหน จึงบอกเพื่อนไปว่าอยู่ซีเจที่ตลาดงั้นกดเงินให้หน่อยจึงได้โอนเงินมาเข้าบัญชีของ เล็ก เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2566 เป็นวันเดียวกันกับน้องต่อหายตัวไป
ปุ๊ก บอกว่าฝากกดเงิน 1 หมื่นบาท จ้างตนเองกดครั้งละ 100 บาทเพราะหน้าจอโทรศัพท์ของเขานั้นแตกละเอียดแสกนไม่ได้ทางตนเองได้บอกกับตำรวจไปแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำบัญชีมาตรวจสอบที่สภ.บางหลวง แล้วปุ๊กเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับนิ่มเลยเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันจึงเป็นข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทุกคนในครอบครัวรวมทั้งพุด-นิ่ม เหมือนกัน
ส่วนตัวของตนเองบริสุทธิ์ใจก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ มีเงินน้ำท่วม เงินสงเคราะห์ ที่เข้ามาบัญชี ทางเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปตรวจที่บ้านของนิ่มอีก และตรวจสอบในโทรศัพท์แอฟธนาคารการโอนเข้า-ออกซึ่งในวันที่ 5 ก.พ. 2566 มีคนได้ยินเสียงดังที่บ้านนิ่ม ส่วนตนนั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเพราะนอนอยู่ในห้องไม่ได้ยุ่งกับใครเท่าไรเพราะปกติจะนอนไวสี่ทุ่มก็จะนอนแล้ว
ปกติพุด-นิ่ม จะมีปากเสียงกันทุกวันเรื่องการเลี้ยงลูกปกติตนเองก็ไม่ค่อยคุยกับนุ่นอยู่แล้วต่างคนต่างอยู่ไม่ค่อยยุ่งกันถึงแม้ตนเองจะอยู่บ้านเดียวกัน ชุดสืบภาค 7 กระจายกำลังกัน หาเบาะแสเพิ่มเติมบริเวณบ้านน้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือนที่หายไปตั้งแต่ 5 ก.พ. 2566
โดยกระจายกันตรวจสอบทั้งที่บ้านพัก ซึ่งมีพ่อของพุด วัย 67 ปี อยู่บ้าน รวมถึงละแวกบ้านเพื่อนบ้าน ที่คนในชุมชนเคยให้การว่า พบคนใส่เสื้อสีเหลือง วิ่งเข้าไปในซอยข้างบ้าน ที่เชื่อมกับป่ารกร้างด้านหลังบ้านชาวบ้าน และตำรวจนำตัวพุธ พ่อของเด็กมาสอบปากคำเพิ่มที่ สภ บางหลวง ตำรวจนำตัวแม่ของเด็ก มาที่ สภ บางหลวง โดยมีพ่อของนิ่ม เข้ามาพูดคุย
โดยตำรวจให้ พ่อของนิ่ม และนิ่ม นั่งคุยกัน 2 คนตามลำพังในห้อง และลุงแจ้ และกล้า (แฟนเก่า) พ่อนิ่ม และพุธ เข้ามาตรวจ DNA เพิ่มเติม ตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย ตำรวจส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดี น้องต่อ เด็ก8เดือนหายปริศนาให้ผู้เชี่ยวชาญศึกษารายละเอียดก่อนที่จะให้ผู้เกี่ยวข้องเข้า เครื่องจับเท็จ ในวันพรุ่งนี้ 15 ที่ ศพฐ.1 จ.ปทุมธานี