จากกรณีที่นางอังคณารัตน์ ให้การกับตำรวจว่า.. เจตนาที่มาโรงพักในวันนี้คือ ต้องการนำเงิน 3.1 ล้านบาทที่เหลือในบัญชีมาคืน โดยจะให้ลูกคนเล็กวัย 11 ปี 1 ล้านบาท, คนกลาง นายอัฐพล 5 แสนบาท และให้นายมะนิช 1.6 ล้าน หลังจากคืนเงิน ก็ขอแยกทางกับสามี ไม่ให้อยู่ในบ้าน และขอทวงทองรูปพรรณ สร้อยคอ แหวน น้ำหนัก 2 บาท ที่ตนซื้อให้สามีคืนมาด้วย
หลังจากนี้ ตนจะให้นายมะนิชออกจากบ้านภายใน 3 วัน เพราะบ้านหลังนี้เป็นมรดกของตน หากเข้ามาบุกรุกก็จะแจ้งความดำเนินคดีทันที เพราะไม่มีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาอีกแล้ว
นางอังคนารัตน์ กล่าวว่า หลังจากคืนเงินทั้งหมดให้ผัวและลูกแล้ว จะขี่จยย.คู่ชีพไปที่บึงโขงหลง จ.หนองคาย เพื่อทำบุญนุ่งขาว ห่มขาว ประมาณ 1 อาทิตย์ จึงจะกลับมาสะสางเรื่องการหย่ากับอดีตทหาร
โดยตนเองดูแลทุกอย่างมา 10 กว่าปี และอดีตทหารคนดังกล่าวก็เอาเงินเดือนมาเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน ซึ่งเมื่อเรียกร้องต้องการหย่าตนเองก็พร้อม และให้ลูกสาวของอดีตทหารมารับตัวกลับบ้านไป จ.ยโสธร เพื่อให้ทุกอย่างสิ้นสุด
ด้าน อดีตทหาร กล่าวว่า ตนเองพร้อมที่จะแยกทางแม้อยู่ดูแลกันมากว่า 10 ปี เมื่อนางอังคนารัตน์ ยืนกรานอยากให้ทำตามที่พูดตนก็ยินดีจะกลับไปอยู่บ้านที่ อ.เมืองยโสธร โดยไม่ติดใจ แม้ที่ผ่านมาจะสร้าง ตกแต่ง ต่อเติมบ้านให้ครอบครัว นางอังคนารัตน์ ไปไม่น้อย ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ดูแลตนเองมาตลอดโดยไม่รังเกียจ
