ลูกชายเจ้าสัว ปะทะ หญิงไก่ ลั่นไม่ได้หลอกเงินเจ้าสัว เผยจะไปแจ้งความสามีหาย

จากกรณี นางศรัญญา อุปปาตะสันติ หรือ หญิงไก่ สาวใหญ่ไฮโซ ที่ถูกครอบครัวของนายสุรชัย อายุ 75 ปี สามี แจ้งความร้องทุกข์ที่ต่อกองบังคับการปราบปราม เนื่องจากครอบครัวเชื่อว่าสาวใหญ่รายนี้ได้ใช้กลอุบายหลอกลวงให้นายสุรชัยจดทะเบียนสมรสด้วย พร้อมหลอกลวงทรัพย์สิน เงินสด หุ้น คอนโด ที่ดิน อาคารพานิชย์ ไปจากนายสุรชัย รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2565 นางศรัญญา อุปปาตะสันติ หรือ หญิงไก่ ผู้ที่เคยตกเป็นข่าวอยู่หลายครั้งในหลายประเด็น โดยนางศรัญญา หรือ หญิงไก่ ให้เหตุผลที่เปิดเผยตัวตนว่า เนื่องจากมีบางรายการข่าวและบางสำนักข่าวได้เปิดเผยชื่อของตนทั้ง ๆ ที่ตนไม่ยินยอม ตนจึงตัดสินใจเปิดตัวพร้อมชี้แจงทุกอย่างอย่างบริสุทธิ์ใจในวันนี้

ยืนยันตนมีหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อขายทรัพย์สินระหว่างตนกับนายสุรชัย โดยทรัพย์สินที่ตนได้รับมา ได้แก่ หุ้น คอนโด และที่ดิน 100 ตร.ว. รวมมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนที่ครอบครัวของนายสุรชัยอ้างว่าตนได้รับเงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ อาทิ ที่ดิน อีกรวม 30 ล้านบาท ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

เพราะที่ดินผืนดังกล่าวนายสุรชัยขายเองก่อนจะรู้จักกับตน แต่เพิ่งมาโอนที่ดินตอนรู้จักกับตนในช่วงปลายเดือน ส.ค. และทุกอย่างที่ได้มาล้วนมาจากความรัก โดยในวันจดทะเบียนสมรส นายสุรชัยยังได้เขียนระบุในตนเป็นผู้จัดการมรดกหากนายสุรชัยมีอันเป็นไป ซึ่งมีการระบุชัดเจนว่าให้ตนแบ่งทรัพย์สินให้ลูกของนายสุรชัยคนใดบ้าง

ขณะนี้ตนมีความเป็นห่วงนายสุรชัย เพราะตนไม่สามารถติดต่อนายสุรชัยได้ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2565 ที่ครอบครัวของนายสุรชัยรับตัวนายสุรชัยออกไป โดยขณะนี้เรื่องราวเริ่มบานปลาย อีกทั้งนายสุรชัยยังมีกำหนดการที่ต้องเดินทางไปขึ้นศาลในคดีเกี่ยวกับธุระอีกหลายครั้ง ตนรู้จักกับนายสุรชัยในช่วงเดือน เม.ย. เนื่องจากนายสุรชัยต้องการนำอาคารกับที่ดินมาจำนอง มูลค่า 70-80 ล้านบาท ส่วนตนมีหน้าที่เป็นนายหน้า

แต่สุดท้ายอาคารและที่ดินของนายสุรชัยติดปัญหาทางธนาคาร ถึงอย่างนั้นนายสุรชัยก็ยังแวะวนเวียนมาหาตนที่บ้านจนเกิดเป็นความรัก ตนกับนายสุรชัยรักกัน อีกฝ่ายเป็นคนดุแต่มีความเอาใจใส่ ชอบพาไปเดินเบ่นที่ห้างสรรพสินค้า และพาไปร้องเพลง ซึ่งตนกับนายสรุชัยเคยบังเอินเจอกับหญิงคนหนึ่งที่อยู่กินกับนายสุรชัยมาตั้งแต่ปี 21 แบบไม่จดทะเบียนสมรส

โดยหญิงคนดังกล่าวพูดขึ้นว่า จะไปไหนก็ไป แก่ป่านนี้แล้วแสดงให้เห็นว่าครอบครัวของนายสุรชัยไม่ได้ในดีนายสุรชัยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ 25 ต.ค. 2565 ตนจะเดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความว่านายสุรชัย สามีของตนหายตัวไป ซึ่งหากครอบครัวของนายสุรชัยยืนยันว่านายสุรชัยยังมีความเป็นอยู่ที่ดี ก็ขอให้ทางครอบครัวพาตัวนายสุรชัยออกมาแสดงตัว

ส่วนการหย่า ตนก็อยากพบกับนายสุรชัยก่อน อีกทั้งการจดทะเบียนหย่าไม่มีใครสามารถทำแทนกันได้ ต้องให้เจ้าตัวมาดำเนินการเองเท่านั้น โดยตนเชื่อว่าการจดทะเบียนหย่าจะเกิดขึ้น เพราะนายสุรชัยรักลูกของตัวเอง แต่ต้องมีการตกลงในรายละเอียดแล้วเคลียร์ใจกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นเสียก่อน ตนไม่เคยคิดฟ้องร้องใคร

แต่ครอบครัวของนายสุรชัยโจมตีตนด้วยคพพูดที่รุนแรง ทำให้สังคมมองว่าตัวเองเป็นคนดี เช่น บอกกับสังคมว่าอย่าไปคบคนนี้ ตนก็คงต้องพิจารณาต่อไป ซึ่งหากตนหายตัวไปก็ขอให้ทุกคนรับรู้เอาไว้ว่าตนถูกครอบครัวของนายสุรชัยทำร้าย เพราะที่ผ่านมาตนเคยถูกขู่อุ้มฆ่ามาแล้ว ทั้งมีอาวุธและไม่มีอาวุธ

ทั้งนี้กรณีการออกรถยี่ห้อ BMW โดยนางศรัญญาให้ข้อมูลว่า รถคันดังกล่าวราคาประมาณ 3.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นการออกค่าใช่จ่ายกันคนละครึ่ง จากการที่ได้พูดคุยกับบุตรชายของเสี่ยพันล้าน นายชัย (นามสมมติ) บอกว่า ตนเป็นบุตรชายคนที่ 3 สนิทสนมและอยู่กับคุณพ่อคุณแม่มาตลอด ทราบว่าคุณพ่อ และนางศรัญญาคบหากัน เพราะธุรกิจเพราะคุณพ่อต้องการให้นางศรัญญาเป็นนายหน้าขาย อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ให้ 270 ล้านบาท

โดยยอมรับว่าคนในครอบครัวไม่มีใครทราบ ในตอนแรกว่านางศรัญญาคือหญิงไก่ที่เคยตกเป็นข่าว แต่เมื่อทราบว่าเป็นผู้หญิงคนนี้จึงพยายามให้พ่อออกห่าง ขณะที่พ่อเองก็เพิ่งมาทราบภายหลังจากที่ลูกๆ บอก แต่พอทราบไปแล้วคุณพ่อก็ไม่ได้ถอยห่างยังเดินหน้าสานต่อกับนางศรัญญาเพราะต้องการทำธุรกิจร่วมกัน โดยครอบครัวยืนยันว่าคุณพ่อไม่ได้มีความรักให้กับหญิงสาวคนนี้เลย เพราะคุณพ่อจะบอกเสมอว่าไม่ได้รัก

โดยทรัพย์สินที่หญิงสาวรายนี้ได้ไปคือ…
1. เป็นเงินสดที่ติดตัวคุณพ่ออยู่ในบัญชี 3 ล้านบาท (หายไปหมด)
2. คอนโดมิเนียม ที่ทำสัญญาซื้อขายให้กับลูกชายของหญิงสาวคนนี้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินเดิมราคา 6 ล้านบาท แต่ทำการซื้อขายให้กับลูกชายของหญิงสาวคนนี้ในราคา 2.5 ล้านบาท

3. หุ้นปูนซีเมนต์ที่มีอยู่จำนวน 5 แสนหุ้นหุ้นละ 5 บาท รวมราคาแล้ว 2-3 ล้านบาทจำนวนเงินอยู่กับหญิงสาวคนนี้
4. ที่ดิน 100 ตารางวา ซึ่งจริงๆ แล้วที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินของบริษัท คนที่บ้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ก็ได้มีการทำการสัญญาซื้อขายกับลูกชายของฝ่ายหญิงในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน ที่ 10 ล้านบาท แต่ทำสัญญาซื้อขายให้กับลูกชายของสาวคนนี้จำนวน 2.5 ล้าน และมีเงินอีกก้อนหนึ่งจากการขายที่ดินแปลงหนึ่ง ในราคา 30 ล้านบาท

เงินจำนวนนี้ได้รับเงินเพียง 3 ล้านบาท เป็นค่ามัดจำจากผู้ซื้อโดยเงิน 3 ล้านบาท ได้นำมาใช้ในครอบครัว พอขายได้จริงคือ 27 ล้านบาท ในจำนวน 27 ล้านบาทต้องแบ่งเงินไปใช้หนี้ 11 ล้านบาทเพราะฉะนั้นก็จะเหลือเงินอยู่ 16 ล้านบาท ก็ทราบว่าเงินจำนวนนี้ คุณพ่อ และครอบครัวไม่ได้รับเงินเลย ไม่ทราบว่าเงินหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว

แต่สงสัยว่าหญิงไก่เป็นคนเอาไป เพราะที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของที่บ้านไม่ใช่กรรมสิทธิ์ส่วนตัว เพราะฉะนั้นเงินก็ควรจะเข้าบัญชีบริษัทแต่จากการตรวจเช็คไม่พบเงินจำนวนนี้เข้าบัญชีบริษัท รวมแล้วเงินประมาณ 50 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่หายไปจากครอบครัว จึงเดินหน้าเข้ากองปราบเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิสูจน์ข้อมูลว่าจำนวนเงิน 50 ล้านบาทไปอยู่ที่ไหนบ้าง

นายชัย ยังให้ข้อมูลถึงการพบพิรุธที่ทำให้เชื่อว่านางศรัญญาหลอกเอาเงินคุณพ่อ ว่าสนิทกับพ่อมากรู้จักนิสัยใจคอพ่อเป็นอย่างดีปกติแล้วคุณพ่อเป็นคนที่มัธยัสถ์ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย การที่จะขายทรัพย์สินให้ผู้อื่นต่ำกว่าราคาประเมินจึงไม่ใช่วิสัยของคุณพ่ออย่างแน่นอน ที่สำคัญพบว่าคุณพ่อซื้อรถ BM ให้กับลูกชายของหญิงสาวคนดังกล่าว ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผิดปกติ

เพราะขนาดที่ตนเป็นบุตรของคุณพ่อโดยตรงพ่อยังซื้อรถมือสองให้กับตนเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่เชื่อว่าพ่อจะนำเงินไปซื้อรถยนต์ให้ลูกของคนของหญิงไก่ ทั้งที่เจอผู้หญิงคนนี้เพียง 2-3 เดือนเอง โดยนายชัย ยืนยันว่าเรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจนว่าคุณพ่อเป็นคนซื้อรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกตมากๆ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้

และพิรุธที่สำคัญการจดทะเบียนสมรสของคุณพ่อและหญิงสาวคนดังกล่าว ไม่ชอบมาพากลเป็นการจดทะเบียนสมรสที่หย่า แล้วจดในวันเดียวกันดูเร่งรีบและผิดวิสัยมาก ส่วนประเด็นที่หญิงสาวดังกล่าวบอกว่าคุณพ่อเป็นคนพาหญิงสาวขับรถยนต์ไปจดทะเบียนเอง ยืนยันไม่เป็นความจริง และมีหลักฐานแต่ขอเก็บไว้ใช้ในชั้นศาลต่อไป

ล่าสุด นายสุรชัย หลังออกจากชีวิตหญิงไก่ เป็นภาพที่นายสุรชัยอยู่ที่บ้านกับหลานหลานทั้งชายและหญิงและยังพากันไปท่องเที่ยวอีกด้วย โดยนายชัย ลูกชายยืนยันว่าพ่อสุรชัย มีความสุขตั้งแต่ออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว บอกว่าอยากกลับบ้านมาหาหลานๆ เพราะรักหลานมากคิดถึง พอกลับมาถึงบ้านลูกๆ หลานๆ ก็พาไปกินอาหารทะเล ไปหาหมอ และไปเที่ยว

นายชัย ยืนยันว่าที่อยากพาพ่อออกมาจากหญิงสาวคนดังกล่าวเพราะสุขภาพของคุณพ่อที่ทรุดโทรมลงไปมาก ภายใน 2-3 เดือนน้ำหนักลงไปถึง 8 กิโลกรัม หน้าเหลืองผิวเหลืองดูซูบเซียวเดินไม่กระฉับกระเฉดเหมือนเดิมและไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามนัดเพียงแต่ไปตรวจสุขภาพเพื่อทำธุรกรรม

จากการสอบถาม ลูกชายของนายสุรชัยว่า นายสุรชัยได้พูดถึงหญิงไก่หรือมีความคิดถึงหญิงไก่หรือไม่ ลูกชายเผยว่าไม่เลยโดยบอกว่าคุณพ่อไม่ได้พูดถึง และไม่ได้คิดถึง และยืนยันว่าไม่ได้มีความรักต่อหญิงไก่แน่นอน ตอนนี้ได้แต่พูดว่าอยากได้เงินคืนเท่านั้น ทางครอบครัวลูกๆ หลานๆ จึงบอกกับนายสุรชัยว่าให้หยุดคิดเรื่องธุรกิจก่อนอยากให้ดูแลเรื่องสุขภาพมากกว่า

ส่วนประเด็นที่สุรชัยพูดในคลิป นายชัย ลูกชายของนายสุรชัย ก็บอกว่าเรื่องนี้ได้สอบถามคุณพ่อเช่นกัน โดยคุณพ่อบอกว่าฝ่ายหญิงชอบให้พูดชม ชอบให้พูดแบบเอาใจ ก็พูดเอาใจเขาไป และยังบอกพวกตนว่าอย่าใส่ใจคลิปเลย ส่วนข้อความต่างๆ ในแชตไลน์ของคุณพ่อที่มีการพูดคุยกับพวกตนก่อนหน้านี้ก็ทราบจากคุณพ่อว่าฝ่ายหญิงเป็นคนพิมพ์เองทั้งหมด

สำหรับเรื่องรถยนต์ที่คุณพ่อไปออกให้กับลูกชายของฝ่ายหญิงเรื่องนี้นายชัยนามสมมุติยืนยันว่า มีการใช้บัตรเครดิตของคุณพ่อรูดเงินออกไปจำนวน 1.5 ล้านบาทในโชว์รูมรถยนต์ดังกล่าว ที่เหลือมีข้อมูลการถอนเงินออกจากบัญชีอีกเพื่อซื้อรถยนต์ดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัติของหญิงไก่ พบว่า…

ปี 2563 ต้องโทษจำคุกคดีหมิ่นเบื้องสูง คดีฉ้อโกง และคดีค้ามนุษย์ ต้นปี 2565 ได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถาน เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2565 อดีตครูวัย 79 ปี แจ้งความจับหญิงไก่ วันที่ 24 มิ.ย. 2565 หญิงไก่แจ้งความกลับ กระทั่งล่าสุดวันที่ 21 ต.ค. 2565 ปรากฏข่าวแต่งงานกับนักธุรกิจพันล้าน

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *