เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2565 ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ หญิงสาวถูกหนุ่มหล่ออีกหมู่บ้านหลอกจะมาหมั้น แต่สุดท้ายโดนเทหนีหน้าหายตาติดต่อไม่ได้ แม้มีหนังสือสัญญากำหนดการสู่ขอ สินสอด 50,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท แต่งงานกันเดือน ก.พ.2566 โดยเรื่องนี้ น.ส.นิ้ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ชาว ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โชวบันทึกสัญญาที่เขียนเอาไว้ระบุว่า…
การสู่ขอมั่นหมาย แต่งงาน ระหว่างนาย…….และ น.ส……สู่ขอเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 ค่าสินสอด 50,000 บาท,ทอง 1 บาท แต่งเดือน ก.พ.66 โดยมีพยานลงชื่อเอาไว้เรียบร้อยเป็นหลักฐาน 6 คน พร้อมเปิดเผยว่า… ถูกชายหนุ่มชื่อโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ซึ่งรู้จักกันเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยเพื่อนแนะนำเพราะหนูเพิ่งอกหักมาใหม่ๆ ทิ้งหนีไปหลังย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายแล้วตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่อยู่กัน น.ส.นิ้ง เล่าต่อว่า เราตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน เขาบอกเองว่าจะให้พ่อและแม่มาสู่ขอทันทีและให้ลาออกจากงานมาอยู่ช่วยงานที่บ้าน หนูจึงลาออกจากงานในห้างไปอยู่กับครอบครัวเขาเลย ไปทำทุกอย่าง ล้างถ้วยล้างชาม ทำแบบที่ผู้หญิงทำเป็นแม่บ้านศรีเรือนและว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดี
จากนั้นพ่อ และแม่หนูบอกว่า อยู่ด้วยกันแล้วก็มาสู่ขอแต่งงานตามประเพณีจะดีกว่า ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาตกลงกันมีกำหนดแต่งกันก.พ.ปีหน้า เงินสินสอด 5 หมื่นกับทอง 1 บาท ทำสัญญากันอย่างดี วันนั้นตกลงกันว่าจะจ่ายวันที่หมั้นหมาย 1 หมื่นบาทไว้ก่อน แต่พ่อ-แม่ฝ่ายชายเอาเงินวางไว้แค่ 2 พันบาททำให้ตกลงกันไม่ได้ จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
หนูเสียใจที่ว่าที่สามี และฝ่ายพ่อแม่ของเขามาทำแบบนี้ ปล่อยหนูทิ้งไว้เป็นหม้ายขันหมาก หนูรักผู้ชายคนนี้มาก วาดฝันว่าถ้าแต่งงานแล้วก็จะไปทำงานเมืองนอกเก็บเงิน ตั้งหลักปักฐานจบไว้ที่ผู้ชายคนนี้คนเดียว ตอนนี้อยากให้กลับมา พร้อมจะแต่งงานด้วยเหมือนเดิม แต่หากไม่มาก็อยากให้ติดต่อมาเพื่อรับผิดชอบตัวหนูด้วย
อยากให้ติดต่อมาบ้าง รู้ว่าถูกพ่อแม่บีบบังคับจนต้องหนีไป โหน่งติดต่อกลับมานะ อย่ามาทำแบบนี้เลย หม้ายงานหมั้น พูดไปสะอื้นไปตลอดเวลา ด้านของแม่ของ น.ส.นิ้ง บอกว่า ครอบครัวเราดีใจที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาซะที วันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ฝั่งผู้ชายมาที่บ้านเพื่อพูดคุยตกลงงานหมั้นหมายและงานแต่ง
มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านมาร่วมงานด้วย วันนั้นตกลงค่าหมั้นไว้ 1 หมื่นบาทแต่เขาเอาให้แค่ 2 พันถือว่าดูถูกกันเกินไป จากนั้นเขาก็ให้ลูกชายเขาหนีไปไม่ให้ติดต่อลูกสาว พวกเราก็อายคนในหมู่บ้าน มาทำแบบนี้ได้อย่างไร ทำให้ครอบครัวเราเสียหน้าเสียตา อายคนในหมู่บ้าน อยากให้ติดต่อกลับมารับผิดชอบ