เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 นายไพรัตน์ มานะศิลป์ รองประธานกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท คลังพลาซ่า จำกัด ผู้ประกอบการในเครือคลังพลาซ่า เปิดเผยว่า การหยุดกิจการ คลังวิลล่า สาเหตุเกิดจากผลกระทบวิกฤตซ้อนทั้ง CV-19 และภาวะเศรษฐกิจซบเซา รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคการเดินในห้างเปลี่ยนไป รูปแบบห้างสรรพสินค้าดีพาร์ตเมนต์ที่แยกเป็นแผนกสินค้าต่างๆ ไม่ตอบโจทย์คนยุคใหม่
จึงต้องปรับตัวโดยเปลี่ยนแปลงธุรกิจและปรับปรุงในทางที่ดีกว่า เลือกเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้รับความนิยม ผู้บริหารได้พยายามทุกวิถีทาง เพื่อประคับประคองกิจการแต่ระยะเวลาที่ยาวนาน ยังขาดทุนสะสมต่อเนื่อง สถานการณ์อยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน การดำเนินธุรกิจอยู่ภาวะวิกฤตแบกรับภาระไม่ไหว
โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าของ คลังวิลล่า ไม่รวมค่าจ้างแรงงานกว่า 40 คน ต้องจ่ายเดือนละ 5 แสนบาท จึงจำเป็นต้องปิดในส่วนของคลังมาร์เก็ต ที่บริษัทรับผิดชอบ เหลือเฉพาะอาคารของผู้เช่าด้านหน้าประกอบด้วย คลินิกทันตกรรม เคเอฟซี วัตสัน เปิดให้บริการตามปกติ
นายไพรัตน์ให้รายละเอียดต่อว่า สินค้ารวมทั้งหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ได้นำไปวางจำหน่ายชั้น 1 คลังพลาซ่าอัษฎางค์ ส่วน คลังพลาซ่าจอมสุรางค์ ได้เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจเป็นโปรเจ็กต์มัลติยูส อาคารอเนกประสงค์ที่มีหลากหลายธุรกิจมารวมอยู่ในพื้นที่ และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น อาภาญา มิใช่ห้างสรรพสินค้าเหมือนเดิม
ได้ผสมผสานหลายอย่างภายในพื้นที่ทั้งหมดไม่มีสินค้าเหมือนห้างในอดีต ตนเป็นที่ปรึกษาส่วนทีมบริหารเป็นชุดใหม่มีน้องสาวเป็นผู้บริหารหลัก ทั้ง คลังพลาซ่าอัษฎางค์ โครงสร้างอาคาร 3 ชั้น รวมพื้นที่ใช้สอยประมาณ 8,000 ตารางเมตร และ คลังวิลล่า เป็นทรัพย์สินสร้างบนที่ดินของตระกูลมานะศิลป์ไม่ได้สร้างบนที่ดินเช่า
เราพร้อมให้ผู้สนใจมาพูดคุย เพื่อเช่าประกอบกิจการ ส่วนโปรเจ็กต์ คลังสเตชั่น หนองไผ่ล้อมห้าแยกหัวรถไฟ ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นระยะเวลา 30 ปี ยังเหลือเวลา 26 ปี ใช้งบลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ได้ก่อสร้างจากชั้นใต้ดินของอาคารหลักมีความคืบหน้ากว่า 40% ขณะนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท