เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2565 มีรายงานว่า นางสุบิน บุตรงาม อายุ 65 ปี ชาวจ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า… เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 มีนายทุนเงินกู้ 3 คน เป็นหญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน โดยผู้ชายอ้างว่าเป็นตำรวจบอกว่าน.ส.อภิญญา แสงแก้วเขียว อายุ 28 ปี หลานสาว ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่จ.กระบี่ ได้ไปกู้เงินกับนายทุนคนหนึ่งมา
โดยนายทุนเงินกู้คนดังกล่าวได้มาทวงหนี้ ครั้งแรกตนไม่มีเงินให้จากนั้นนายทุนคนดังกล่าวก็บังคับให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไป และถัดมาอีก 3 วัน ก็กลับมาทวงอีกซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นายทุนคนดังกล่าวจึงบังคับให้ถอดสร้อยเลสข้อมือไปอีก 1 เส้น พร้อมกับให้เซ็นหนังสือยินยอมรับสภาพหนี้
ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรสามีก็เพิ่งเสียไปได้ประมาณ 3 เดือน หลานสาวที่ไปทำงานอยู่ที่จ.กระบี่ ก็ไม่ทราบว่าไปสร้างหนี้อะไรไว้กับนายทุนคนดังกล่าวไว้ โดยมาทวงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม เวลาประมาณ 14.30 น. นางสุบิน กล่าวต่อว่า… นายทุนคนดังกล่าวได้มาข่มขู่ต่างๆ นานา พร้อมกับให้ตนเซ็นหนังสือรับสารภาพหนี้
โดยจะเอาวัวในคอกและรถยนต์ของหลานที่จอดอยู่ไปซึ่งตนไม่ยอม จนกระทั่งนายเพลิน วังสันต์ อบต. ภายในหมู่บ้านมาพบเข้าจึงบอกไปว่าเงินที่หลานยืมก็ส่วนของหลาน ยายไปเกี่ยวอะไรด้วย ประกอบกับการบุกรุกถือว่าผิดกฏหมาย ตนถูกหวยได้เงินมา 2 หมื่นบาท และนำเงินดังกล่าวไปซื้อวัวให้หลานไว้เลี้ยงเพื่อเป็นทุนการศึกษาของหลาน
แต่นายทุนจะมายึดไปตนก็ไม่ยอมและพร้อมที่จะสู้ให้ถึงที่สุด ถ้านายทุนนำวัวออกไปจากคอก นางสุบิน กล่าว ด้านลูกสาวของนางสุบิน กล่าวว่า หลังจากที่พ่อตนเสียไปก็มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ส่วนลูกสาวของตนที่ไปรับจ้างทำงานอยู่ที่จ.กระบี่ นั้นตนได้สอบถามไปแล้วทราบว่าเงินที่ยืมไปก็ส่งดอกให้เป็นประจำทุกสิ้นเดือน
แต่มาเจอสภาพเศรษฐกิจและ โควิด-19 จึงไม่มีงานทำเลยหาเงินส่งดอกไม่ทัน จนกระทั่งมีเจ้าหนี้มาทวงถามที่บ้านและข่มขู่แม่ของตนดังกล่าว ตนไม่มีที่พึ่งและเกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่สภ.หนองจอก ให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม่ของตนไม่ทราบเลย และแม่ก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเจ้าหนี้ด้วย