กลายเป็นเรื่องราว กระแสไวรัลในประเทศมาเลเซีย ที่กำลังถูกวิพากษวิจารณ์สนั่นถึง ประเด็นชายคนหนึ่งทำการอุปการะลูกสุนัขจรจัด ทว่าต่อมาผู้โพสต์ที่ช่วยสุนัขจรจัดจากถนนหาบ้านกลับรู้ความจริงสุดช็อก ชายคนดังกล่าวไม่ได้เลี้ยงไว้ แต่นำไปกินเป็นอาหาร ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาที่ช่วยเหลือสุนัข-แมวจรจัดมานานกว่า 3 ปี
โพสต์เรื่องราวสุดขมขื่นภายในจิตใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองในกลุ่มหาบ้านให้สัตว์ยากไร้ (Malaysia Homeless Animal Movement) โดยชายคนหนึ่งทำทีมาขอรับเลี้ยงลูกสุนัขตัวน้อย นึกว่าใจบุญเมตตากรุณาต่อสัตว์ตัวน้อย ๆ ที่แท้จิตใจอำมหิตนำสัตว์เหล่านั้นไปกิน ซ้ำยังไม่สำนึกว่าตนเองผิดอีกต่างหาก ระบุว่า…
ได้โปรด คนรักสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ทุกคนคว่ำบาตรเจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้ โปรดช่วยฉันให้แชร์ประฌามและนำความยุติธรรมมาสู่ลูกสุนัขที่ฉันพาไปหาบ้านกับชายคนนี้ เขายืนยันกับฉันว่าเขาจะรักลูกสุนัขที่ฉันมอบให้เขาเพื่อรับอุปการะ ซึ่งชายคนนี้ดูแลแผงขายน้ำเต้าหู้ ย่านที่อยู่อาศัยในเมืองเชราส กรุงกัวลาลัมเปอร์
หลังจาก 2 ปี วันนี้ฉันไปอีกครั้งเพื่อถามถึงความเป็นอยู่ของสุนัข แต่เขาสารภาพกับฉันว่ามันอร่อยมาก ต้มกินแล้วถามฉันว่าเขาต้องการอีก มีลูกหมาอีกไหม ทั้งลุงและเขาชอบเนื้อสุนัข เนื้อมันนุ่ม ซ้ำเขาบอกว่าเขาอาศัยอยู่ในเขต Semenyih และชาวบ้านก็ชอบเนื้อสุนัข
ชายคนดังกล่าวยังพูดยืนยันด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจว่าเขาได้ฆ่าสุนัขไปแล้วจริง ๆ แบบไม่สะทกสะท้านว่า… ครอบครัวเขามาจากมณฑลกวางสี ประเทศจีน คนจีนที่นั่นชอบกินเนื้อสุนัขเหมือนกัน เมื่อฉันบันทึกคำสารภาพของเขา เขายอมรับว่าลูกสุนัขเสียชีวิต ได้โปรดช่วยนำความยุติธรรมมาสู่ลูกสุนัขด้วย ฉันรู้สึกแย่มาก
เมื่อสาวถามว่าทำไมเขาถึงฆ่าลูกสุนัขแทนที่จะส่งคืนให้ ชายคนนั้นตอบว่าลูกสุนัขนั้นเป็นของเขาแล้วและตายหรือไม่ก็เรื่องของเขา พร้อมอ้างอีกครั้งว่า กวางสี ประเทศจีน เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนที่นั่นจะฆ่าสัตว์ทุกชนิดเพื่อกินพวกมัน พูดจบก็หัวเราะ ก่อนจะขอให้เธอออกไปและไม่รบกวนเขาในขณะที่เขายังคงดูแลร้าน
นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ ก็มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งสาวตอบผู้แสดงความคิดเห็นที่กล่าวว่า ควรมีการตรวจสอบภูมิหลังก่อนที่จะเลี้ยงสัตว์ โดยกล่าวว่าเธอรู้สึกเสียใจที่ได้นำสุนัขกลับบ้านกับชายคนนั้น และเธอก็ประมาทเลินเล่อ ล่าสุด เจ้าของโพสต์ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังไม่มีการตอบรับใด ๆ พร้อมเสริมว่าเหตุการณ์นี้ได้บั่นทอนจิตใจของเธอให้ทำงานต่อไปในการช่วยเหลือสัตว์จรจัด เธอยังหวังว่าจะมีการเพิ่มความตระหนักในการบริโภคเนื้อสุนัขในมาเลเซียให้มากขึ้น
ที่มา: Malaysia Homeless Animal Movement