29 ก.ค. 2565 ที่ตำบลนางลือ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ชาวนาหลายราย เลิกจ้างรถจักรดำนา เปลี่ยนมาจ้างแรงงานคน สามารถดำนาได้ทุกสภาพพื้นที่ ทั้งมีหล่มลึกและตื้น ทำงานรวดเร็ว เรียบร้อย ผลผลิตดี ผู้รับเหมาจะหาแรงงานดำนามาเป็นทีมประมาณ 40-50 คน ค่าจ้างไร่ละ 900 บาท สามารถดำนาได้กว่า 30 ไร่ต่อวัน สร้างรายได้ให้ชาวบ้านไม่น้อยกว่า 500 บาท/วัน
น.ส.ดวงจันทร์ คุณละ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา หัวหน้าทีม เปิดเผยว่า ที่ชาวนาหันมาจ้างคนดำนา เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาใช้รถดำนามักมีข้าวดีด ข้าวปนเยอะ ถ้าใช้คนดำนาจะดูแลข้าวง่ายขึ้น ได้ผลผลิตมากขึ้น ถ้าจ้างรถดำนาบางจุดรถเข้าไม่ถึง ต้องจ้างคนมาดำซ่อม
ก่อนดำนาเจ้าของนาจะทำเทือกหรือเตรียมดินไว้ก่อนปล่อยน้ำออกให้แห้ง แล้วทีมงานของเราจะตีเส้นระยะห่างกอข้าว 25×30 เซนติเมตร ใช้วิธีดำเดินหน้า เพื่อความรวดเร็ว ส่วนกล้าที่ใช้ เจ้าของนาจะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ต้องการปลูกให้ผู้รับเหมาดำนาไปเพาะกล้าก่อน พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ข้าวเปลือก 5-10 กก. ในทีมดำนามีคนงานกว่า 50 คน เป็นชาวอำเภอหันคา
เราเหมาต่อจากคนรับงานอีกทอดหนึ่งไร่ละ 900 บาท ล่าสุด 33 ไร่ คนงาน 52 คน ดำนาเสร็จได้เงินเฉลี่ยคนละประมาณ 500 บาท นายนพพร ดีอ่วม เจ้าของนา เปิดเผยว่า… ความแตกต่างของการดำนาที่ใช้เครื่องจักร กับคนดำนา คือถ้าจ้างรถดำนา จะต้องจ้างคนมาดำซ่อมบริเวณที่รถเข้าไม่ถึงเช่น มุม หรือ พื้นที่หล่มลึก แต่ถ้าจ้างคนดำด้วยมือรอบเดียวจบ ได้ต้นข้าวที่สวยเรียบร้อย
หากเทียบระยะเวลาทำงาน วันที่ดำนา 20 ไร่ ลงเมื่อเช้าพร้อมกับพี่ชาย ใช้รถดำ 14 ไร่ ของเรา 20 ไร่เสร็จแล้วรถดำนายังไม่เสร็จ ซึ่งราคาต่างกันอยู่ 300 บาท ใช้คนดำไร่ละ 1,400 บาท ใช้รถดำไร่ละ 1,100 บาท แต่ต้องจ้างคนดำซ่อมอีก การทำนาดำส่วนใหญ่เป็นการทำข้าวปลูก ช่วยลดข้าวปน ข้าวดีด ขายได้ราคาดีกว่าข้าวเจ๊ก(โรงสี) คือราคาตันละ 8,000-9,000 บาท
ซึ่งคนรับซื้อข้าวปลูกบางราย ให้ค่าดำนาไร่ละ 1,000 บาท จึงทำให้ขายข้าวปลูกได้ตันละประมาณ 9,000-10,000 บาท ส่วนข้าวเจ๊กหรือขายให้โรงสี มักเป็นข้าวหว่านน้ำตม จะขายได้ตันละ 6,000-8,000 บาท ขึ้นอยู่กับความชื้น