เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2565 ได้รับการร้องเรียนจาก ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่า มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกยายแท้ๆ ทำร้ายร่างกาย เป็นประจำต่อเนื่องมานานเกือบ 2 ปี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และผู้นำหมู่บ้าน พบน.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ลูกครึ่งไทยอังกฤษ ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านกรวด มาขออาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านจริง
จากการสอบถามน้องบี บอกว่า… ตนอาศัยอยู่กับยายมาหลายปีแล้ว หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน แม่ก็ไปทำงานอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนพ่อก็กลับไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่พ่อและแม่ก็ส่งเงินมาให้ใช้จ่ายทุกเดือน ยืนยันว่าถูกยายทำร้ายร่างกายเป็นประจำมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะใช้มือทุบตี บางครั้งก็เอาหนังสติ๊กยิงใส่ และน้องก็ให้ดูร่องรอยเขียวช้ำตามร่างกาย
ที่ผ่านมาก็ทนอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจมาตลอด กระทั่งล่าสุดเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา ยายถึงขั้นใช้หนังสือและกล่องปลั๊กไฟสามตาตีที่ศีรษะของตน จนกล่องไฟแตก ทำให้ศีรษะก็ปูดโน เพียงเพราะตนกลับบ้านช้า เพราะไปเล่นกับเพื่อน จึงหนีไปขอความช่วยเหลือและขออาศัยอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพราะกลัวจะถูกยายทำร้ายอีก เนื่องจากยายขู่ว่าถ้าพูดไม่เชื่อฟังจะใช้สากทุบให้ตาย ก็เลยกลัวไม่อยากกลับไปอยู่กับยายอีก อยากให้หน่วยงานหรือใครมาช่วย ไม่อยากต้องทนอยู่แบบนี้
ด้าน น.ส.อณุชชยา ปานะโปย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่1 บอกว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องตะโกนเสียงดัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็คิดว่าแค่คนในบ้านทะเลาะกันธรรมดาจึงไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่เพิ่งจะมารู้ว่าเด็กหนีออกจากบ้านไปขออาศัยอยู่กับผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้าน เนื่องจากถูกยายทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็จะไปสอบถามผู้เป็นยายดูว่าเกิดอะไรขึ้น และทำร้ายหลานจริงตามที่เด็กบอกหรือไม่ เพราะต้องฟังความจากทั้ง 2 ฝ่ายก่อน
ขณะที่ นายชาญณรงค์ พงษ์สุวรรณ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านกรวด กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งว่า มีเด็กถูกยายทำร้ายจนต้องหนีไปขออาศัยอยู่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ก็ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลทั้งจากตัวเด็ก ชาวบ้าน และผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งเบื้องต้นเด็กก็ยืนยันว่าถูกยายทำร้ายจริง ซึ่งก็จะนำข้อมูลรายงานผู้บังคับบัญชาและประสานทาง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องรอฟังความจากทั้ง 2 ฝ่ายก่อน
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม นางยาว อายุ 58 ปี ยายน้องบี เล่าให้ฟังว่า ตนเลี้ยงน้องบีมาตั้งแต่เด็ก หลังจากพ่อแม่ของน้องแยกทางกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับน้อง แต่พอน้องเริ่มขึ้นมัธยมปลายก็จะชอบออกไปเที่ยวนอกบ้าน แล้วไปไหนมาไหนก็ไม่บอก และชอบกลับมาตอนค่ำมืดดึกดื่น ไม่เคยช่วยทำงานบ้านอะไรเลย
ยายก็ต้องว่ากล่าวตักเตือนตามประสา แต่หลานก็ไม่เชื่อฟังแถมยังด่ายายกลับ และแอบออกไปเที่ยวเรื่อยๆ จึงต้องตีเพื่ออบรมสั่งสอน และเคยใช้สายไฟฟาดจริง แต่ทำไปก็เพราะรักและห่วงหลาน ไม่ได้คิดว่าทำร้ายรุนแรงอะไร ส่วนที่หลานหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านคนอื่น ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน แต่ก็บังคับอะไรหลานไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง นางยาว กล่าว