ถึงกับโอดครวญเลยทีเดียว เมื่อเห็นค่าเทอมของลูกสูงเฉียดล้าน สำหรับคุณแม่ลูกแฝด มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า ที่ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจในงานเปิดตัว บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์ ณ ห้องฉัตรา บอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถึงการเตรียมความพร้อมส่งลูกแฝด มีก้า-มีญ่า เข้าเรียนระดับอนุบาล
ซึ่งพอรู้ค่าเทอมของลูกแพงมากถึงกับตกใจ แต่ยังนับว่าเป็นความโชคดีทำให้โล่งใจได้ เพราะงานนี้คุณปู่สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าเทอมทั้งหมดให้หลานเอง รวมทั้งบ้านใหม่ ราคา 70 กว่าล้าน ที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่เต็มร้อยแล้ว ได้คุณปู่ช่วยออกค่าก่อสร้าง 80 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
เห็นบอกว่าค่าเทอมลูกทั้ง 2 คนเกือบล้านเลยต่อปี?
แรงเหมือนกันเนอะ แม่เห็นก็ตกใจ เพราะค่าเทอมตอนสมัยเรา เราก็ว่ามันก็แพงแล้ว ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นแม่เคยบ่น 80,000 บาท มันก็แพงแล้วต่อเทอมนะ แต่ตอนนี้โรงเรียนอินเตอร์ก็ฟาดไปประมาณคนละ 2 แสนกว่าๆ เด็กเล็กนะ มากกว่ารุ่นกี้ 3 เท่า ปีหนึ่งมี 2 เทอม 240,000 บาท บวกกันเป็น 480,000 บาท แล้วบวกกัน 2 คน ก็เกือบล้านแล้วค่ะ
พอบวกเลขออกมา ทรุดเลยไหม?
คือจะบอกว่าไม่ให้เรียนก็กระไรอยู่ (หัวเราะ) มันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องสู้ต่อไปเหมือนกัน
เห็นคุณยายบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวยายสอนเอง?
ยายบอกว่ายายจะสอนเอง แต่ตอนนี้คือยายเป็นบ้านหมุนไปแล้วนะ อยู่บ้านได้ 3 วัน ยายบอกว่าเดี๋ยวขอไปพักผ่อนสัก 2 วัน เดี๋ยวกลับมาใหม่ (ยิ้ม) คือเขาเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไปทำนู่นทำนี่ คนนี้อยากเล่นอะไรก็ไปเล่นเลย จับไม่ทัน อย่างอยู่บ้านถ้าอยากว่ายน้ำก็ถอดเสื้อผ้าแล้วลงสระว่ายน้ำเลย คือเร็วมาก ไวมาก แล้วคือมี 2 คนด้วยแหละค่ะ ถ้าคนเดียวยังพอไหว พอ 2 คน ยายเลยขอกลับไปชาร์จพลังเดี๋ยวมาใหม่ (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงบ้าง กับค่าเทอมที่แพงมากในสมัยนี้?
กี้ว่ามันอาจจะแรงไปนิดนึง ถ้าเทียบกับรายรับของคนในประเทศเรา อย่างลูกคนนึง 480,000 บาท เดือนนึงก็จะตกประมาณ 40,000 บาท ไม่รวมค่านู่นนี่นั่น คือเงินเดือนต้องเยอะนะ อย่างสมมติเราได้เงินเดือน 50,000 บาท แล้วต้องลงกับลูก 40,000 บาท มันก็กระไรอยู่
ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนนี้ มีช้อยส์โรงเรียนอื่นที่ราคาสูงกว่านี้ไหม?
มันใกล้เคียงกันมากค่ะ ไม่ได้แตกต่างเยอะ แต่กี้เลือกใกล้ๆ บ้านเป็นหลัก มันก็มี 2 อย่างให้เลือกคือ โรงเรียนไทย หรือโรงเรียนอินเตอร์ ซึ่งเราเลือกโรงเรียนอินเตอร์เพราะเราก็เรียนโรงเรียนอินเตอร์มา เริ่มเข้าโรงเรียนวันที่ 15 สิงหาคมนี้ค่ะ อีกไม่กี่วันแล้ว”
น้องตื่นเต้นหรือยัง เราได้มีบอกอะไรบ้างไหม?
กี้บอกว่า ไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเล่น (หัวเราะ) ไม่ได้เรียกว่าโรงเรียน กลัวเขากลัวคำว่าโรงเรียน ตอนนี้จะบอกว่า เล่นนับเลข เล่นระบายสี ไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเล่น กี้ก็พาเขาไปดูมาแล้วค่ะ เขาก็เล่นเปรียบเสมือนโรงเล่นนั่นแหละค่ะ โอเคอยู่
ลุ้นไหมว่าวันแรกที่ลูกเข้าโรงเรียน เราจะร้องไห้หรือเปล่า?
กี้ว่ากี้ไม่น่าจะ แต่ว่าคุณพ่อไม่แน่ คือเขาไปเดี๋ยวเขาก็กลับมา มันแค่ 3-4 ชั่วโมงเอง แต่ว่าแต่ละคนก็อาจจะรู้สึกไม่เหมือนกัน สำหรับเราก็คือ ก็ไปโรงเรียน แล้วยังใกล้บ้านด้วย เอาแบบง่ายๆ”
เตรียมรับมือกับลูกๆ ในวันแรกยังไง?
รู้สึกว่าที่โรงเรียนจะไม่ให้ลงจากรถ คือมาส่งแล้วให้ขับไปเลย ไม่ต้องลงไปแล้วร่ำลา คือไปถึงปุ๊บเปิดประตูรถ คุณครูเขาจะช้อนไปเลย อาจจะเพราะเป็นช่วงโควิดด้วย เขาคงไม่อยากให้ผู้ปกครองไปยืนรอร่ำลาอะไรแบบนี้ เพราะพื้นที่มันจำกัด โรงเรียนที่กี้ไปเป็นโรงเรียนเล็กๆ ห้องนึงมีแค่ 8-12 คน
รู้สึกยังไงที่ลูกต้องห่างอกแล้ว เหมือนเป็นอีกหนึ่งสเต็ปในการโตของเขา?
ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น (หัวเราะ) อย่างที่บอกมันแค่ 3-4 ชั่วโมงเอง คือยังดูซีรีส์ไม่ถึงไหนเลย เขาเริ่มเรียน 8 โมงครึ่งถึงบ่ายโมงค่ะ ระหว่างนั้นเราก็อาจจะหาอะไรทำ เพราะจะตื่นไปส่งเขา”
ด้วยค่าเทอมที่สูงมากแบบนี้ มีคุยกับ ป๊อก ไหมว่าต้องวางแผนเรื่องการเงินเพื่อลูกยังไง?
อันนี้คือโชคดี คือคุณปู่เป็นคนรับผิดชอบ (ยิ้ม) เพราะคุณปู่รับผิดชอบหลานๆ ทุกคน
คุณปู่ออกปากเองเลยใช่ไหมว่าเดี๋ยวจ่ายเอง?
ใช่ค่ะ ถามว่าออกให้ถึงเรียนจบปริญญาตรีเลยไหม คือเรายังไม่ได้คุยถึงขนาดนั้นค่ะ (หัวเราะ) เอาที่คุณปู่สะดวกค่ะ ท่านก็ดูความเหมาะสม เช็กว่าแต่ละที่มันราคาเท่าไหร่ ก็ราคาเท่านี้หมดถ้าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ แล้วถ้าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่เล็กหน่อย จำกัดคนหน่อย อย่างครู 2 คน ดูแลเด็ก 10 คน มันก็จะอยู่ประมาณนี้
พอคุณปู่บอกจะออกค่าใช้จ่ายส่วนตรงนี้ให้ รู้สึกยังไง?
โล่ง (ยกมือไหว้) คือคุณปู่รู้สึกว่าการลงทุนกับเรื่องการศึกษามันเหมือนเป็นการเซฟเด็กๆ ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ เขาเลยรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ควรจะลงทุน
ถามถึงเรื่องบ้านใหม่ 70 ล้านบาท?
ก็ขอบคุณคุณปู่อีกค่ะ (ยกมือไหว้) คุณปู่ออกค่าสร้างบ้านให้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ข้างในจัดการเอง คุณปู่ออกให้ตีซะประมาณ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ค่ะ
คุณปู่จ่ายให้เต็มเลยไหม?
ของคุณปู่น่าจะตีสักประมาณ 55-60 เปอร์เซ็นต์ เฟอร์นิเจอร์เราออกเองเพราะว่าลูกหลานแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน คนละแนว บางคนอยากจะลงทุนบิวต์อิน บางคนอยากจะลงทุนกับเฟอร์นิเจอร์ เพราะฉะนั้นจะมีงบส่วนหนึ่ง เกินจากนั้นยังไงก็ดูแลเอาเอง ของกี้งบคุณปู่มันหมดไปกับอินทีเรียแล้ว เฟอร์นิเจอร์ก็เลยต้องออกเอง
มีทะเลาะกันเรื่องตกแต่งไหม แบบคนละสไตล์?
ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันค่ะ คุยตั้งแต่แรกแล้วว่าตรงที่เป็นส่วนรวมให้มันประมาณไหน แล้วพี่ป๊อกจะมีโซนที่เป็นของเขา เราก็มีโซนที่เป็นของเรา มันก็เลยไม่มีปัญหา เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราชอบกับสิ่งที่เขาชอบมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ต้องเอาทั้งสองอย่างมารวมกันให้มันโอเคที่สุด เราก็คุยกันว่าอยากได้อะไรที่มันอยู่ไปได้นาน เราไม่อยากทำบ่อยเพราะมันปวดหัว
ย้ายไปอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือยัง?
ย้ายไปอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ วันนี้กี้ใช้เวลาจากบ้านมางานประมาณ 40 นาที ถามว่าอยู่ชานเมืองเป็นยังไง จริงๆ เมื่อก่อนกี้ย้ายบ้านบ่อย คือก่อนหน้าที่จะมาอยู่คอนโดฯในเมือง ก่อนที่จะแต่งงานกับพี่ป๊อก กี้อยู่มีนบุรี สุขาภิบาล 3 ไกลนะ รามคำแหง 168 ศิวิไลซ์สุดก็คือเซเว่นฯ แล้วเราก็ไปโรงเรียนจากที่นั่นทุกวัน ไปเรียนมหา’ลัยคือเอแบคบางนา มันนอกเมือง มันไกลอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกช็อกกับการที่ต้องย้ายไปอยู่ในที่ที่ไกลขึ้นมาหน่อย นอกเมือง ห่างจากในเมืองประมาณ 38 กิโลฯ
คือช่วงนี้กี้ไม่ได้ทำงานเข้า 8 โมง ออก 5 โมงเย็น ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่รถติด โชคดีคือเราสามารถที่จะเลือกเวลาได้ สมมติถ้าเราจะมาทำงานเช้า กี้ก็ต้องมานอนคอนโดฯเพราะว่าจะได้ไม่ต้องฝ่ารถติด แต่ถ้าเป็นงานที่เราเลือกเองได้ อย่างเราถ่ายรายการของเรา เราก็จะเลือกออกจากบ้านประมาณ 11 โมง ไม่ให้รถมันติดมาก ก็ต้องจัดการเวลา ส่วนโรงเรียนลูกใกล้บ้านใหม่ไปเลย ใช้เวลาเดินทางง่ายๆ เร็ว สะดวก”
เด็กๆ ชอบบ้านใหม่ไหม?
ชอบค่ะ เพราะว่าเขามีพื้นที่ แต่ก่อนเขาอยู่คอนโดฯ ไม่มีพื้นที่ เวลาจะเล่นอะไรมันจะจำกัด เช่นพวกจักรยาน ห้ามผ่านฝั่งล็อบบี้ ห้ามไปตรงนั้นตรงนี้ แต่บ้านใหม่เขามีพื้นที่ที่ไปตรงไหนก็ได้ เขาแฮปปี้ แต่มันก็มีข้อดีข้อเสีย เขาไม่มีเพื่อน เพราะอยู่คอนโดฯ จะมีห้องอื่นๆ ที่อายุใกล้ๆ กัน มีเพื่อนคนนั้นเพื่อนคนนี้ แต่พอไปอยู่บ้านใหม่เขาจะไร้เพื่อน เพราะว่ายังไม่ได้ไปโรงเรียน เราก็ถามเขานะว่าคิดถึงเพื่อนไหม เขาบอกเขาไม่คิดถึง เขาบอกเขาโอเค แฮปปี้ พอมาคอนโดฯ เขาบอกว่าเขาคิดถึงจักรยานของเขา เขาไม่คิดถึงเพื่อนแล้ว ก็แล้วแต่เลยลูก เอาที่สะดวกเลย
งานในวงการ หลายคนคิดถึง ลูกไปโรงเรียนแล้วจะคัมแบ๊กเต็มตัวไหม?
ถ้าละคร อาจจะดูๆ ก่อนค่ะ ดูเนื้อเรื่อง ดูคนที่เล่นด้วย เพราะถ้าเราทำแล้วเราก็อยากทำให้มันเต็มที่ ที่ชอบจริงๆ ก็มีติดต่อมาบ้างค่ะ แต่ยังไม่มีอันไหนที่โดนใจ อาจเพราะกี้เพิ่งถ่ายเสร็จไปเรื่องหนึ่งแล้วออนแอร์ไป ก็ขอพักสักนิดนึงเพราะว่าเดี๋ยวนี้เรื่องหนึ่งมันถ่ายนานปีหนึ่ง แล้วเราไม่อยากทำงานอะไรที่มันต้องอยู่กับมันถึงหนึ่งปี อะไรที่ระยะยาวมากๆ อาจจะคิดนานหน่อย รับทีละเรื่อง รับซ้อนไม่ไหว
งานละครเหนื่อยนะ กี้ทำงานมาหลายอย่าง กี้ว่างานละครเป็นงานที่เหนื่อยที่สุดเพราะว่ามัน 7 โมงเช้า เดี๋ยวนี้บางกองนัด 6 โมงด้วยซ้ำ เสร็จ 3 ทุ่ม ถ้า 7 โมง เสร็จ 4 ทุ่ม กว่าจะขับรถถึงบ้าน อาบน้ำล้างหน้า เที่ยงคืนนั่งทำการบ้านสำหรับวันรุ่งขึ้นอีก กว่าจะได้นอนตีหนึ่ง ตีห้าตื่นอีกแล้ว คารวะทีมที่ทำละคร 7 วันเลย โอ้โห สุขภาพมันหนักจริงๆ ถ้าจะรับบทต้องได้จริงๆ ถามว่าอยากเล่นบทประมาณไหน มันก็พูดยากเหมือนกัน มันก็มีหลายอย่างที่มันดี ถ้าเราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าสู้สิวะ เราก็สู้ เพราะว่ามันเหนื่อย ก็ถ้าคิดถึงกี้ ก็ดูได้ยูทูบ Mindset TV มีหลายรายการให้ดูค่ะ