วันที่ 21 มิ.ย. 2565 กรณีของหนุ่มโรงงานซึ่งเป็นชาวเมียนมา ที่ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินสูญเงินไปกว่า 1.3 ล้านบาท โดยหนุ่มโรงงานชาวเมียนมา อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ได้มีคนโทรศัพท์มาหาตน โดยอ้างว่าโทรมาจากบริษัทไปรษณีย์ไทย และบอกว่าตอนนี้มีพัสดุตกค้างเป็นชื่อตนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย โดยตนต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า โดยได้โอนสายให้ตนคุยกับชายอีกคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ ร.ต.ต.ไกรสรณ์ พากษ์อารีย์ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ชายคนดังกล่าวได้พยายามพูดหว่านล้อมให้ตนเกิดความกลัว โดยอ้างว่ากำลังออกหมายจับตน เนื่องจากได้จับกลุ่มผู้ต้องหาคดีฟอกเงินได้ และได้ให้การซัดทอดมาหาตน ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี หากตนบริสุทธิ์ใจ ชายคนดังกล่าวจะให้นายของตัวเองช่วยเหลือ
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า โดยได้ทำทีไปเคาะประตูเรียกนาย และได้ยื่นสายโทรศัพท์ให้คุยกับตน ทางคนที่อ้างตัวว่าเป็นนายของ ร.ต.ต.ไกรสรณ์ ได้บอกว่าตนเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง กำลังติดตามคดีนี้อยู่ หากตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้แคปหน้าจอแอพพลิเคชั่นธนาคารส่งให้ดูว่ามีกี่บัญชีและมีเงินจำนวนเท่าไหร่ หลังจากที่ตนได้ส่งให้ดู คนที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชา บอกว่าให้ตนโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและจะโอนคืนภายใน 30 นาที
ผมจึงได้รีบโอนเงินทั้งหมด 2 บัญชี ซึ่ง 1 บัญชีมีเงิน 1,240,000 บาท ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้บอกว่าโอนมาเพียง 1,200,000 พอ และอีก 1 บัญชีมีเงินอยู่ 39,000 บาท ให้โอนเพียง 30,000 บาท ไม่จำเป็นต้องโอนเศษ เพราะจะได้ง่ายต่อการตรวจสอบ และจะโอนคืน หลังจากที่ผมโอนไปแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้บล็อกไลน์หายไป ผมจึงรีบแจ้งหัวหน้างานของผม ทางหัวหน้าจึงให้รีบไปแจ้งความที่ สภ.องครักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกหมายให้กับผม เพื่อนำไปให้ธนาคารทำเรื่องอายัดบัญชีทั้งหมด
ผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า… ซึ่งทางธนาคารได้อายัดบัญชีทั้งหมดไว้แล้ว แต่ต้องรอตรวจสอบรายละเอียดเรื่องเส้นทางการเงินอีกครั้งภายใน 5 วันทำการ และทางธนาคารจะแจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป.ซึ่งทางผู้เสียหายก็ยังคงมีความหวัง เพราะตนเองนั้นทำงานเก็บเงินมาเกือบทั้งชีวิต