วันที่ 19 มิ.ย. 2565 กลุ่มผู้เสียหายประมาณ 15 คน ของร้านบุฟเฟต์แซลมอนชื่อดัง ดารุมะ รวมตัวกันเข้าร้องเรียน กับทนายรัชพล ศิริสาคร ที่สำนักงานทนายความรัชพล หลังซื้อคูปองหรือเวาเชอร์ในราคา 199 บาทไว้แล้ว สุดท้ายปิดร้านหาย โดยจากนี้จะเตรียมดำเนินคดีกับ ผู้บริหารของร้าน นางสาวจิรัชยา อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า…
ตนเป็นทั้งผู้บริโภคและแม่ค้าเวาเชอร์ที่ซื้อคูปองมาขายต่อให้กับลูกค้าผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของตนที่มีกลุ่มลูกติดตามมากถึง 31,000 คน โดยตนซื้อขายคูปองมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่พบปัญหาอะไรมาก่อน โดยจะทำการรวบรวมซื้อคูปองของร้านมาเก็บไว้ในช่วงที่มีโปรโมชั่นเปิดให้มีการซื้อขายคูปองผ่านทางเว็บของทางร้าน
ล่าสุดเมื่อต้นเดือ มิ.ย. 2565 ตนได้ซื้อคูปองเป็นจำนวน 2,628 ใบ รวมเป็นเงินประมาณ 550,000 บาท เพื่อนำมาขายต่อให้กับกลุ่มลูกค้าตน กระทั่งคืนวันที่ 16 มิ.ย.ตนเริ่มมาทราบข่าวจากผู้จัดการร้านสาขาหนึ่งที่ตนสนิทด้วยว่า ผู้บริหารร้านได้บินหนีออกไปต่างประเทศแล้ว และปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมดด้วย ตนจึงเริ่มรู้แล้วว่าร้านเริ่มมีปัญหา และคูปองที่ตนซื้อมาขายต่อจะมีปัญหาตามไปด้วย ซึ่งตนจะได้กำไรจากการขายคูปองที่ประมาณ 24 บาทต่อใบ
โดยหลังเกิดเรื่องตนได้โอนเงินคืนให้กับลูกค้าที่ซื้อคูปองกับตนไปแล้วประมาณ 40 ราย สาเหตุที่ตนไว้ใจลงทุนซื้อคูปองมาขายต่อเพราะเห็นว่าร้านได้เปิดทำการเปิดขายมาหลายปีและมีลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบกินปลาแซลมอนมาต่อแถว เพื่อเข้าร้านเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการขยายกิจการหลายสาขา จึงทำให้ตนขยับจากผู้บริโภคมาเป็นผู้ทำธุรกิจขายคูปอง
เพราะลูกค้าแต่ละคนที่จะเข้าไปนั่งกินได้ จะต้องซื้อคูปองผ่านเว็บดารุมะเท่านั้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าร้านอาหารที่มีคนแห่จองคิวแน่นแบบนี้จะมาปิดกิจการกะทันหัน เททั้งลูกค้าและแม่ค้าคูปองได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ด้าน นายปรัชญิล อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนในฐานะผู้บริโภคโดยตรงไม่ได้ซื้อคูปองมาต่อ เพราะตนชื่นชอบการกินปลาแซลมอนและเห็นว่าร้านนี้ขายแซลมอนได้ถูกกว่าร้านอื่น ๆ ทั่วไปในท้องตลาด ด้วยความที่ชอบกินปลาแซลมอนเป็นประจำอยู่แล้ว จึงตัดสินใจซื้อคูปองตามที่ร้านออกโปรโมชั่นมา คือ ซื้อ 4 ใบ ฟรี 1 ใบ ตนจึงสั่งซื้อรวมมา 10 ใบ
เพื่อตุนคูปองเอาไว้ใช้เพราะราคาคูปองที่จองซื้อผ่านทางแอพจะถูกกว่าการซื้อตรงหน้าร้านประมาณ 40 บาท และไม่ต้องเสียเวลาไปรอคิวหน้าร้านอีกด้วย จนกระทั่งไม่กี่วันนี้ตนเริ่มมาเอะใจว่าเพจของทางร้านปิดตัว แอพของร้านก็ปิดตัว พอไปดูที่หน้าร้านก็ปิดตัว ก็รู้สึกว่าร้านกำลังจะโกงผู้บริโภคแล้วแต่ก็ยังไม่ปักใจเท่าไร จนกระทั่งมาถึงวันนี้ คงไม่ต้องคิดอะไรต่อแล้ว จากนี้ไปตนคงเข็ดขยาดกับการซื้อคูปองร้านอาหารล่วงหน้าแบบนี้แล้ว
ด้านทนายรัชพล กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยและดูหลักฐานความเสียหายจากกลุ่มผู้เสียหายแล้ว จะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้หากพบว่าทางเจ้าของบริษัทมีเจตนาที่จะฉ้อโกงก็จะเข้าข่ายความผิดในฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์
ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ ดำเนินคดีตามกรรมตามวาระกันต่อไปคล้ายกับคดีคูปองอาหารที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ร้านแฟรนไซน์สาขาต่าง ๆ ก็ควรเข้าแจ้งความเอาผิดผู้บริหารเจ้าของบริษัทด้วยเพื่อแสดงความความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของผู้บริหารรายนี้